ข่าวไฟไหม้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ข่าวไฟไหม้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงตอนนี้ไฟสงบแล้ว

   จากที่มีข่าวไฟไหม้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงนั้น ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้ออกมาบอกว่าตอนนี้สามารถควบคุมเพลงไว้ได้แล้ว และดับไฟจนไฟสงบแล้วซึ่งการดังไฟไหม้ป่าในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานถึง 18 ชั่วโมงในการช่วยกันดับไฟซึ่งเมื่อคำนวณพื้นที่ที่เสียหายจากเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้พบว่า ไฟได้ไหม้และสร้างความเสียหายให้กับอุทยานถึง 3400 ไร่เลยทีเดียว แต่ก็ถือได้ว่าเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้ยังสร้างความเสียหายน้อยกว่าตอนที่มีไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2556 และในปี พ.ศ. 2559 แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าการดับไฟนั้นค่อนข้างดับลำบากในบางจุดเพราะบางครั้งไฟก็อยู่ใกล้ใกล้หน้าผาทำให้เข้าไปทำงานลำบาก

บางครั้งวิธีการดับไฟก็ต้องใช้วิธีจุดไฟให้ไฟลุกไหม้ให้แรงแรงเพื่อที่จะได้ไหม้ป่าตรงจุดนั้นให้หมดเร็วเร็วแล้วไฟก็จะมอดไปเองซึ่งวิธีการนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องคอยควบคุมไม่ให้ไฟลามไปติดตรงจุดอื่นได้อีก โดยการเผาไหม้ของไฟในครั้งนี้นอกจากต้นไม้จะถูกทำลายไปเยอะแล้วสัตว์ป่าก็ยังได้รับความเสียหายและเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

เพราะที่นี่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหลายร้อยหลายพันตัว โดยทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าโชคดีมากที่ไฟที่ไหม้ในครั้งนี้ยังลามไปไม่ถึงจุดที่นักท่องเที่ยวพักกันอยู่ ซึ่งเมื่อมีการดับไฟได้แล้วทางเจ้าหน้าที่มีการคาดเดาสาเหตุของการเกิดไปไหม้ป่าในครั้งนี้น่าจะมาจากชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่าแล้วอาจจะมีการจุดไฟ

ซึ่งเหตุการณ์ก่อนก่อนมักจะพบว่านักท่องเที่ยวทิ้งก้นบุหรี่แล้วทำให้เกิดการลุกลามของไฟแต่ครั้งนี้ไม่พบต้นเหตุของเพลิงจึงคาดว่าน่าจะเป็นการจุดไฟขึ้นมาของชาวบ้าน จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ป่าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนในการเข้าไปช่วยกันดับไฟ ซึ่งต้องทำงานกันทั้งกลางวันและกลางคืน จนในที่สุดก็สามารถดับไฟไว้ได้สำเร็จแต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังมีควันไฟลอยบ้างนิดหน่อย โดยทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการเฝ้าคอยระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไฟกลับมาลุกไหม้ได้อีก

ทางด้านคนงานที่มีอาชีพเป็นลูกหาบก็ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ตอนเองรู้สึกตกใจมากตอนที่รู้เรื่องว่าไฟไหม้ป่า เพราะตอนที่รู้เรื่องนั้นไฟได้ใกล้เข้ามาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางมากแล้วและตนเองทำงานที่นี่มานานมากว่า สามปีไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงอยากวอนให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวให้ระวังปัญหาไฟไหม้ป่าด้วย