คนขายเฉาก๊วยถูกคนโกงเงินเยียวยา 5000 บาท

คนขายเฉาก๊วยถูกคนโกงเงินเยียวยา 5000 บาทคนสงสารแห่โอนเงินช่วยเหลือ

       ก่อนหน้านี้มีการพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องของลุงคนขายเฉาก๊วยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวานนี้นะคะจะได้มีการนำเสนอข่าวไปว่าถูกวัยรุ่นชายคนหนึ่งโกงเงินค่าเยียวยาโควิด  5,000 บาทไป โดยคุณลุงได้บอกว่าเด็กเป็นคนอาสาพาไปช่วยกดเงินให้เพราะตนเองทำไม่เป็นไรเมื่อเด็กกดเงินมาให้แล้วเด็กก็นำมาให้ 1,000 บาท

โดยเด็กวัยรุ่นคนดังกล่าวได้บอกกับลุงขายเฉาก๊วยว่ารัฐบาลไม่มีการแจกเงินเยียวยามาให้แล้วแต่เอามาให้แค่เพียง 1000 บาทเท่านั้นซึ่งลุงขายเฉาก๊วยก็ดีใจมากที่ได้รับเงินช่วยเหลือโดยไม่รู้เลยว่าเงินที่เหลืออีก 4000 บาทนั้น

วัยรุ่นชายคนดังกล่าวได้มีการเอาไปแล้ว ซึ่งมารู้ความจริงว่าตัวเองถูกวัยรุ่นชายคนดังกล่าวหรอกและรัฐบาลจ่ายเป็นเงิน 5,000 บาทนั้นก็เพราะว่ามีแม่ค้าเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของเงินเยียวยา 5,000 บาท

ซึ่งลงก็บอกไปว่าได้รับเรียบร้อยแล้วโดยได้รับมา 1,000 บาทแม่ค้าจึงบอกว่ารัฐบาลจ่ายอยู่ที่ 5,000 บาททำให้ลุงทราบว่าตนเองโดนวัยรุ่นคนดังกล่าวโกงเงินไปจึงได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ซึ่งจะแจ้งความได้ไม่นานเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาวัยรุ่นชายคนดังกล่าวก็ได้เข้าไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เนื่องจากว่ามีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพวัยรุ่นไทยคนดังกล่าวได้อย่างชัดเจนว่ามีการนำเงินของลุงขายเฉาก๊วยไป หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมวัยรุ่นชายคนดังกล่าวได้วัยรุ่นคนนั้นก็ได้มีการติดต่อกับคุณลุงขายเฉาก๊วยว่าจะขอคืนเงินให้เดือนละ 1,000 บาทพร้อมทั้งขอโทษโดยเขาบอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาต้องการนำเงินดังกล่าวไปทำการซ่อมรถและนำไปใช้หนี้ให้กับแม่ของเขา ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องนำเงินทั้งหมดมาจ่ายให้ลุงและไหว้ขอโทษลุง

โดยลุงขอยอดทั้งหมดคืนโดยที่ไม่ขอเป็นการแบ่งชำระและเมื่อเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปก็มีคนเห็นใจลงเป็นจำนวนมากจึงได้มีการโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือลุงฉ๋วยก๊วยเป็นจำนวนมากซึ่งมีตั้งแต่หลักสิบหลักร้อยแล้วก็หลักพันโดยล่าสุดที่มีการปรับสมุดบัญชีก็พบว่ามีเงินเข้ามาเป็นจำนวนหลักแสนบาทเลยทีเดียว

หลังจากที่ลงเฉาก๊วยได้เงินมาเป็นหลักแสนลงก็กลัวว่าในอนาคตอาจจะมีคนมาหลอกให้ลงไปกดโอนเงินให้ดังนั้นทางลุงเฉาก๊วยจึงได้ให้นักข่าวเป็นพยานโดยวงเฉาก๊วยที่มีการนำกรรไกรมาตัดบัตร ATM ของตนซึ่งหลังจากนี้หากจะต้องการใช้เงินลุงเฉาก๊วยบอกว่าจะไปเบิกเงินเองที่ธนาคารเท่านั้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้า bk8

เจอรางวัลที่ 1 พนักงานเซเว่นเป็นคนดีเก็บไว้ให้เจ้าของ 

จากกรณีที่มีแม่ลูกคู่หนึ่งเก็บสลากกินแบ่งรัฐบาลได้หน้าร้านเซเว่นซึ่งเธอก็ได้นำลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวไปฝากไว้ที่ร้านเซเว่นโดยผู้จัดการร้านเก็บลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวไว้ให้แต่ตั้งแต่วันที่ลอตเตอรี่หายจนถึงวันที่ผลลอตเตอรี่ออกรางวัลก็ไม่มีใครมาขอรับล็อตเตอรี่เลยซึ่งเมื่อผู้จัดการร้านตรวจสอบลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวผลปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินเป็นจำนวน 6 ล้านบาท

ทางผู้จัดการร้านเซเว่นจึงได้นำลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของและหลังจากที่มีข่าวเผยแพร่ออกไปนั้นต่างก็มีผู้คนเป็นจำนวนมากไปติดต่อที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งว่าตนเองเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเดินสามารถติดตามหาตัวเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริงมาได้แล้ว

ซึ่งนักข่าวก็ได้เข้าไปติดตามทำข่าวโดยไปขอสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนร่วมในการเก็บลอตเตอรี่ในครั้งนี้ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น 2 แม่ลูกที่เป็นพบลอตเตอรี่เป็นกลุ่มแรกหรือแม้แต่พนักงานเซเว่นและหัวหน้าพนักงานเซเว่นเองก็ตามโดยคนที่เป็นผู้จัดการร้านเซเว่นเป็นผู้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวซึ่งนักข่าวก็มีการเข้าไปถามว่าหลังจากที่มีการเก็บล็อตเตอรี่ได้แล้วเมื่อเห็นแล้วว่าถูกรางวัลทำไมถึงไม่เก็บไว้เองโดยทางผู้จัดการร้านเซเว่นก็ได้บอกว่าความเป็นจริงแล้วตนเองก็มีแวบขึ้นมาบ้างที่คิดจะเก็บลอตเตอรี่เก่าไว้เองแต่คิดไปคิดมาลอตเตอรี่ฉบับนี้ไม่ใช่ของเรา

และคนเป็นเจ้าของเขาก็คงรู้สึกกระวนกระวายใจตัวเองรู้สึกสงสารคนที่เป็นเจ้าของลอตเตอรี่จริงได้พยายามติดตามหาตัวมารับรางวัลซึ่งจากความสัมภาษณ์ของผู้จัดการสาขาคนดังกล่าว เจ้ายังรู้ว่าสังคมไทยยังมีคนดีอยู่ถึงแม้ว่าในช่วงที่มีการประกาศตามหาตัวเจ้าของลอตเตอรี่จะมีคนแอบอ้างเป็นจำนวนมากก็ตามเมื่อนักข่าวได้สอบถามกับทางเจ้าของลอตเตอรี่ก็ได้ความว่าตนเองไม่ทราบว่าลอตเตอรี่หายไปแล้วก็ไม่ทราบได้ว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 ยังไม่ได้ออกตามหาแต่เธอก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันเก็บลอตเตอรี่ที่เธอทำเรื่องไว้กับมาส่งคืนทำให้เธอได้รับเงินรางวัล

เดินสายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าหญิงสาวที่มารับลอตเตอรี่คนดังกล่าวนั้นเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริงเนื่องจากว่ามีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจากทางหน้าร้านเซเว่นที่มีการบันทึกภาพไว้ได้ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอทำลอตเตอรี่ร่วงและมีคนมาเก็บลอตเตอรี่ได้ดังนั้นนี่คือเจ้าของตัวจริงของลอตเตอรี่อันนี้แน่นอนและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำเสนอให้มอบเกียรติบัตรความเป็นคนดีแก่คนที่เก็บลอตเตอรี่ได้ทั้งหมดจำนวน 5 คนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทั้ง 5 คนสืบไป

หญิงเล่าวีรกรรมคนข้างบ้าน

หญิงเล่าวีรกรรมคนข้างบ้าน  ยึดถนนตรงที่เป็นซอยตันสร้างที่จอดรถส่วนตัว

       ปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนบ้านเป็นปัญหาโลกแตกที่ใครก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ใครที่ซื้อบ้านแล้วเจอกับเพื่อนบ้านที่ดี ถือว่าทำบุญมาเยอะมาก เพราะส่วนใหญ่เพื่อนบ้านแต่ละหลังก็มักจะสร้างปัญหาให้แก่กันอยู่บ่อยบ่อย เรามักจะได้อ่านข่าวหรือฟังข่าว เกี่ยวกับเพื่อนบ้านมีปัญหาทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งก็มีปัญหากันถึงขนาดที่สุดท้ายแล้วการแก้ไขปัญหาก็จบลงด้วยการมีเรื่องชกต่อยกัน หรือว่าฆ่ากันตายก็มี อย่างล่าสุดที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเธอได้โพสต์เฟสบุ๊กเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดที่เธอต้องมาจะกับเพื่อนบ้านสุดแสบ จอมหัวหมอคนหนึ่ง

โดยเหตุการณ์เธอไม่ได้ระบุว่าเป็นหมู่บ้านอะไร และอยู่ที่ไหน แต่เธอได้เล่าระบายเอาไว้ว่า ตอนที่เธอซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่นี่ใหม่ใหม่ เธอได้เลือกบ้านที่อยู่ท้ายสุดของซอย ซึ่งซอยดังกล่าวเป็นซอยตัน ซึ่งเธอเห็นว่ามุมบ้านของเธอกำลังดีและมีลมพัดผ่านเย็นสบาย แต่ต่อมาเมื่อมีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามย้ายเข้ามาอยู่ ก็ได้สร้างปัญหาให้กับเธอเนื่องจาก เพื่อนบ้านมักจะนำขยะมาวางไว้ที่หน้าบ้านและกลิ่นของขยะจะโชยเข้าไปในบ้านของเธอตลอด เพราะบ้านเธอเป็นทิศที่อยู่ใต้ลม เธอจึงได้เข้าไปคุยเรื่องดังกล่าวกับเพื่อนบ้านและได้แก้ไขปัญหากันไปเรียบร้อยแล้ว

ต่อมาเธอมักจะมีปัญหากับเพื่อนบ้านตลอด ทั้งเรื่องเล็กบ้างใหญ่บ้างและมีการพูดคุยและแก้ไขปัญหากันไป ซึ่งเธอพยายามมองข้ามบางปัญหาเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถึงยังไงก็เป็นเพื่อนบ้านกันและยังต้องอยู่ร่วมซอยกันไปอีกนาน แต่มาล่าสุดที่เธอเจอและทำให้เธอทนไม่ได้นั่นก็คือ เพื่อนบ้านสุดแสบได้มาก่อสร้างที่จอดรถบนพื้นที่สาธารณะตรงบริเวณที่เป็นซอยตันมีการมุงหลังคาโรงจอดรถเอาไว้อย่างดี ซึ่งบริเวณนี้จะกินพื้นที่ด้านข้างหน้าบ้านเธอไปด้วย เธอจึงได้เข้าไปคุยกับเพื่อนบ้านถึงเรื่องการทำที่จอดรถแบบนี้ว่าผิดกฎหมายเพราะที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะ

แต่เพื่อนบ้านไม่สนใจแก้ไขโดยบอกว่าตรงจุดที่ทำเป็นซอยตัน ไม่มีรถวิ่งผ่านสามารถสร้างได้ ทำให้เธอเครียดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจึงได้มาเขียนถามคนในเฟสบุ๊ก ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักถึงการกระทำของเพื่อนบ้านคนดังกล่าวที่เห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงเพื่อนบ้านหลังอื่นอื่น พร้อมกันคนส่วนใหญ่ก็เข้ามาเล่าประสบการณ์ของเพื่อนบ้านของแต่ละคนว่าเจอมาก็แสบไม่ต่างกับเพื่อนบ้านหลังนี้เลยและต่างก็ไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดีเหมือนกัน

เด็ก 6 ขวบหายสาบสูญพบแม่จมน้ำเสียชีวิต

     ที่จังหวัดอุดรธานีมีเหตุการณ์ ที่่มีหญิงสาวที่ชื่อวนิดาได้หายออกจากบ้านไปหลังจากนั้นวันที่ 26เดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2563  โดยเธอหายออกจากบ้านพร้อมกับลูกสาวของเธอคือน้องยี่หวา

แต่ประเด็นของเรื่องก็คือ มีคนมาเจอศพเธอที่สถานีคลองส่งน้ำ โดยเธอจมน้ำเสียชีวิตวันที่  12 เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2563 แต่ว่าไม่มีใครพบลูกสาวของเธอน้องยี่หวา ทำให้หลายคนสงสัยว่าน้องยี่หวาหายไปไหน ซึ่งในตอนแรกมีการสันนิฐานกันว่าน้องยี่หวาอาจจะจมน้ำเหมือนอย่างคุณ วนิดา แต่บรรดานักประดาน้ำได้ดำน้ำตามหาร่างก็ไม่พอศพ

ตอนนี้ตำรวจกำลังตามหาตัวเด็กโดยมีการประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ ทางผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์สามีของคุณวนิดา ซึ่งอยู่ระหว่างการเศร้าเสียใจ โดยสามีของคุณวนิดาให้ข้อมูลว่าวันเกิดเหตุ สามีและคุณวนิดามีเรื่องทะเลาะกันหนักมากแต่ไม่ได้ลงไม้ลงมือกัน สาเหตุที่ทะเลาะกันเพราะคุณ วนิดา ไม่ยอมทำงานบ้านเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือ

ซึ่งวันนั้นตอนเที่ยงสามีกลับมาบ้านมากินข้าวเที่ยงยังเจอภรรยาและลูกอยู่เลย โดยกินข้าวเสร็จเขาก็นอนหลับและตอนบ่ายลูกสาวก็มาปลูกให้ไปทำงาน ซึ่งวันเดียวกันนั้นเองตอนช่วงเวลาประมาณ ห้าโมงเย็นมีคนมาบอกกับสามีว่า เมียเอ็งขนเสื้อผ้าหนีไปแล้วพร้อมกับลูก ซึ่งเขากลับมาก็ไม่เจอเมียกับลูก เสื้อผ้าข้าวของหายไปหมด และเขาก็ออกตามหาเมียตั้งแต่วันที่เมียหายไปวันแรก จนถึงวันที่ 12 เดือนมีนาคมจึงมาพบศพเมีย

ซึ่งระหว่างที่เขาติดตามหาเมียนั้น มีเบาะแสมาว่า คุณวนิดาได้จ้างให้คนไปส่งที่ บขส. คนที่ขับรถไปส่งคุณ วนิดาชื่อว่า นายบัวลอย ซึ่งเขาได้เล่าให้นักข่าวฟังว่าตอนที่ขับรถไปส่งคุณ วนิดา ได้ยินคุณวนิดาคุยโทรศัพท์กับคนที่ชื่อว่าอ้วน ซึ่งคุณบัวลอยยังบอกกับคุณ วนิดาว่าจะไปกับคนชื่ออ้วนทำไม ตัวเองมีผัวแล้ว ในที่สุดก็ไปส่งถึง บขส. ตอนบ่ายโมงตรงและวนิดาก็นั่งรอคนชื่ออ้วนอยู่ที่ บขส. จนถึงหนึ่งทุ่มอ้วนถึงมาหาวนิดาที่ บขส . ที่นายบัวลอยทราบเพราะนั่งรอเพื่อจะเอาเงินค่าจ้าง 300 บาทที่นางวนิดาว่างจ้างให้มาส่ง และหลังจากนั้นนาง วนิดาก็หายไป

จนมาพบอีกทีกลายเป็นศพเสียชีวิต และลูกวนิดา วัย 6 ขวบหายไป ซึ่งระหว่างทางที่นายบัวลอยมาส่งนางวนิดา จะได้ยินว่านายอ้วนขับรถมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อมารับนางวนิดา แต่รถเสียระหว่างทางตรงจังหวัดโคราช จึงได้นั่งรถจากโคราชเพื่อมารับวนิดาแทน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายอ้วนเพื่อมาสอบสวน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  rb88

อาจารย์หื่นแชทชวนเด็กสวิงกิ้ง

มีรายงานข่าวเข้ามาเมื่อวันที่เจ็ดเดือนมีนาคมปีพ.ศ. 2563

โดยระบุว่ามีอาจารย์สอนวิชาฟิสิกส์คนหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของจังหวัดนครพนมโดยอาจารย์ท่านนี้มีพฤติกรรมชอบส่งข้อความไปให้เด็กนักเรียนผู้หญิงเป็นข้อความเกี่ยวกับเรื่องลามก หื่นกามและยังมีการส่งภาพโป๊ไปให้กับเด็กนักเรียนด้วยซึ่งล่าสุดยังมีการส่งข้อความชวนให้ไปสวิ่งกิ้งซึ่งทำให้เด็กนักเรียนหญิงหลายคนที่ได้รับข้อความจากอาจารย์คนนี้ต่างพากันหวาดกลัวหลายคนไม่อยากไปโรงเรียน

เพราะไม่อยากเจอกับอาจารย์คนนี้และยังมีนักเรียนหญิงอีกหลายคนที่คิดจะฆ่าตัวตายเพราะถูกอาจารย์คนนี้ส่งข้อความข่มขู่และก่อกวน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกนำมาเผยแพร่จากผู้ปกครองของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่สังเกตพฤติกรรมของลูกสาวของตนเองพบว่าลูกสาวมีอาการเหม่อลอยและไม่อยากที่จะไปโรงเรียนจึงได้สอบถามลูกสาวและได้พบความจริงว่าลูกสาวถูกส่งข้อความมาก่อกวนในเชิงลามกอนาจารจากอาจารย์คนดังกล่าว

และยังมีเด็กนักเรียนหญิงอีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่ออาจารย์คนดังกล่าวแต่ทุกคนก็ไม่สามารถทำอะไรอาจารย์คนนั้นได้เพราะว่าอาจารย์คนนั้นรู้จักกับพรุ่งนี้อิทธิพลรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังให้ความช่วยเหลืออาจารย์คนดังกล่าวอีกด้วยเพราะเคยมีคนนำข้อความของอาจารย์ คนดังกล่าวมาเปิดเผยแต่ก็ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อข่มขู่บังคับให้เด็กนักเรียนลบโพสต์ที่ได้โพสต์ประจานอาจารย์คนดังกล่าวรวมถึงยังบังคับให้ไปกราบขอโทษอาจารย์อีกด้วย

และจึงทำให้เด็กหลายคนไม่รู้จะทำยังไงหลังจากที่ชาวโซเชียลได้เห็นโพสต์ข้อความดังกล่าวต่างก็เข้ามาสอบถามกันมากมายว่าทำไมผู้อำนวยการโรงเรียนถึงไม่จัดการเรื่องนี้ ซึ่งมีคนเข้ามาตอบกระทู้ว่าผู้อำนวยการคนปัจจุบันเพิ่งย้ายมาถึงยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวแต่คิดว่าตอนนี้ผู้อำนวยการน่าจะทราบเรื่องแล้วและคิดว่าน่าจะกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อยู่ส่วนทั้งผู้ปกครองของเด็กหญิงที่เป็นคนนำเรื่องราวออกมาเผยแพร่นั้น

ก็ได้ร้องเรียนกับทางสำนักข่าวลูกสาวถูกอาจารย์วิทยาศาสตร์และส่งข้อความมาให้ในเชิงชู้สาวทำให้ลูกสาวของตนเองไม่กล้าไปโรงเรียนแล้วก็ไม่มีครูคนไหนที่จะช่วยเหลือได้เลยเพราะทุกคนเกรงกลัวอิทธิพลของครูคนนี้กันมากเนื่องจากครูคนนี้มีแบคเป็นอดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่งจึงอยากให้ทางนักข่าวช่วยกระจายข่าวนี้ให้เพื่อให้เรื่องถึงผู้หลักผู้ใหญ่จะได้ลงมาจัดการกับครูคนนี้สักที

     จากประวัติที่ผ่านมาของอาจารย์ที่สอนวิทยาศาสตร์คนนี้พบว่าเคยมีคนถ่ายคลิปอาจารย์คนดังกล่าวจากการไปงานสัมมนาแล้วตกดึกก็แอบเข้าห้องเด็กนักเรียนหญิงซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจารย์คนนั้นแค่ถูกว่ากล่าวตักเตือนแต่ไม่ได้ถูกทำโทษอะไรเลยจึงไม่มีใครกล้าที่จะฟ้องร้องอาจารย์ก่อนดังกล่าวเพราะเกรงกลัวอิทธิพล

 

สนับสนุนโดย  BK8

ห้างพันทิพย์แจงแล้ว

ห้างพันทิพย์แจงแล้ว ไม่มีใครที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19  วอนหยุดแชร์ข่าวมั่ว 

      ก่อนหน้านี้มีการแชร์ข้อมูลกันมากผ่านข้อความไลน์  ว่ามีเจ้าของร้านค้าที่เปิดร้านขายของอยู่ในห้างพันทิพย์ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และทางห้างพันทิพย์กำลังสั่งปิดห้างเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค  ซึ่งวันนี้ทางห้างพันทิพย์ได้ออกมาบอกแล้วว่า ตอนนี้ที่มีข่าวเกี่ยวกับผู้ประกอบการห้างที่ขายของอยู่ในห้างพันทิพย์สาขา งามวงศ์วาน

มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และตอนนี้ทางห้างกำลังมีการคุมเข้มเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยทางผู้บริหารของทางห้างพันทิพย์ออมาบอกว่า ทางห้างพันทิพย์ เพียงแค่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคเท่านั้นแต่ยืนยันได้ว่าไม่มีใครที่ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 แน่นอน และทางผู้บริหารของห้างพันทิพย์ยังได้ร้องขอมาผ่านทางสื่ออีกด้วยว่าขอให้หยุดการแชร์ข้อความดังกล่าวด้วย

เพราะจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน แล้วจะไม่มีใครกล้าที่จะมาเดินทาง ซึ่งทางห้างพันทิพย์ยังบอกอีกด้วยว่า ตอนนี้ทางห้างมีการเตรียมมาตรการรัดกัดมากเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส โดยทางห้างจะมีการจัดเตรียมสถานที่ให้มีเจลสำหรับล้างมือวางไว้โดยรอบรอบห้างเพื่อให้ลูกค้าใช้เจลได้เลย และที่สำค้ญทางห้างจะมีการฉีดยาฆ่าเชื้อให้เพื่อทำความสะอาดชั้นบรรยากาศในห้าง พร้อมยังกำชับให้พนักงานของห้างทุกคนคอยหมั่นทำความสะอาดมืออยู่เสมอ

      ทั้งนี้ข่าวลือมีการแพร่สะพัดไปทั่วและผู้คนต่างก็เริ่มหวาดกลัวการติดเชื้อเพราะว่าเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างข้างเราขณะนี้จะมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายหรือไม่ พวกเขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศและเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสหรือเปล่า นั่นก็เพราะว่ามีคนบางกลุ่มที่มาสร้างความหวาดระแวงให้กับประชาชนคนอื่นอื่น

  เพราะมีคนที่เห็นแก่ตัวเดินทางไปต่างประเทศแล้วไม่ยอมกักตัวเอง และยังออกมาเดินไปซื้อของไปกินอาหารตามสถานที่ต่างต่างไปทั่ว จนคนเริ่มหวาดระแวงกันเอง กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเริ่มงดการออกจากบ้าน และพยายามไปในแหล่งที่มีคนเยอะให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากออกไปก็เกรงว่าจะได้รับเชื้อไวรัสมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งหากเหตุการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้คาดว่า ห้างสรรพสินค้าทั้งหลายอาจจะไม่ลูกค้าเดินทางไปช็อปปิ้ง ซื้อของ และนั่นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของห้างและอาจจะทำให้ห้างต้องลดจำนวนพนักงานลงก็เป็นไปได้

 

ขอบคุณ  next88  ผู้ให้การสนับสนุนเรา

เตือนภัยหน้ากากอนามัยทั้งแพงทั้งบาง

 ในโลกออนไลน์ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง

ได้มีการ post ภาพหน้ากากอนามัยที่มีสีเขียวแต่มีลักษณะบางมากมาแสดงในหน้า Facebookของตัวเองทั้งยังมีการเล่าเรื่องราวถึงที่มาของหน้ากากอนามัยดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการเตือนกลุ่มคนที่ต้องการซื้อหน้ากากอนามัยในช่วงนี้ให้มีการตรวจสอบหน้ากากก่อนที่จะซื้อให้ดีดี เพราะอาจจะเจอกับของที่ไม่ดีนำมาหลอกขายก็ได้

โดยเธอได้เล่าวันเธอและเพื่อนของเธอได้ไปเดินหาซื้อของกันที่วังหลัง  ซึ่งเป็นตลาดขายสินค้าที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งในขณะที่เดินหาซื้อของนั้นเธอสังเกตเห็นว่ามีแม่ค้ามาตั้งแผงหลายร้าน ที่นำหน้ากากอนามัยมาขาย เมื่อมองแล้วก็เหมือนกับทีเขาขายกันตามร้านขายยาทั่วไปจึงได้สั่งซื้อจำนวนทั้งสิ้น 8 แผ่นเพราะคิดว่าจะลองเอาไปใช้ดูก่อนถ้าดีก็จะมาซื้อเพิ่ม

ซึ่งแม่ค้าได้ก้มหยิบจากในกล่องด้านหลังให้ใหม่แล้วคิดเงิน 150 บาทซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดอะไร ถือถุงหน้ากากอนามัยเดินออกมาแล้วไปเดินซื้อของกันต่อกับเพื่อนจนถึงเวลากลับบ้านเธอและเพื่อนเดินทางกลับโดยรถโดยสารซึ่งเมื่อเธอขึ้นไปบนรถจึงได้เปิดถุงเพื่อเอาหน้ากากที่เพิ่งซื้อมาจะใช้ก็ปรากฏว่า หน้ากากอนามัยที่ซื้อมามีลักษณะบางมาก

ซึ่งหากเปรียบกับหมูที่กินในร้านหมูกระทะ หน้ากากอนามัยนี้ยังบางกว่าเลย ซึ่งตนเองมองว่าหน้ากากอนามัยที่บางมากขนาดนี้จะไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ เพื่อนของเธอต่างก็บอกให้เธอเอากลับไปคืนแม่ค้าคงเดิมแต่เธอมองว่านั่งรถมาไกลแล้วและเสียรู้แม่ค้าไปแล้วจึงนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์เตือนเพื่อนคนอื่นอื่นใน Facebook จนกลายเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมา

            และเมื่อนักข่าวเดินทางไปที่ตลาดวังหลัง ก็พบกับร้านค้าที่ขายหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมากจริงจริง ซึ่งหน้ากากที่วางขายก็มีหลายขนาดและหลายราคา โดยแม่ค้าได้บอกกับนักข่าวว่า หน้ากากที่รับมานั้นมีราคาสูงอยู่แล้ว เวลานำมาขายต่อก็ต้องขายให้ได้กำไร ส่วนราคาที่ไม่เท่ากันของหน้ากากนั้นก็เพราะว่ามีทั้งแบบหนา

และแบบบาง ตอนนี้หน้ากากอนามัยค่อนข้างหากมาขายยากดังนั้นคนทีนำมาขายต่อขายให้แม่ค้าแพง เมื่อรับมาแพงตัวแม่ค้าเองก็ต้องขายแพง และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับคนขายของแพงก็ควรจะไปจับกับผู้ผลิตเพราะส่งมาแพงไม่ควรจะมาจับแม่ค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณอาทิตย์ที่แล้ว เหล่าแม่ค้าที่ตลาดวังหลังก็เพิ่งจะถูกจับกุมเรื่องที่ขายหน้ากากอนามัยแพงไป 

 

ขอบคุณที่ให้เรื่องราวให้นำมาเสนอโดย dewabet

แม่น้องต่ายหัวใจสลาย ลั่นไม่ให้อภัยมือปืนเด็ดขาด

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลนิติเวชรามาธิบดีแพทย์

ได้เริ่มกระบวนการผ่าพิสูจน์ศพของน้องต่ายเหยื่อที่สามีคือในเจเข้าไปยิงที่คลินิกเสริมความงามณห้างสรรพสินค้าเซ็นจูรี่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าด้านพี่สาวของน้องต่ายก็อยู่ระหว่างการเตรียมการเอกสารเพื่อมารับศพของน้องต่ายไปบำเพ็ญกุศลซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงบ่ายก็จะสามารถนำร่างของน้องต่ายไปไว้ที่วัดได้ขณะเดียวกันนักข่าวก็ได้ไปสัมภาษณ์คุณนารีรัตน์

ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับน้องต่ายสาเหตุที่ตายกับนายเจเลิกกันเป็นเพราะว่าในเจเป็นคนอารมณ์ร้อนหึงห่วงแล้วก็ชอบลงไม้ลงมือกับน้องต่ายอยู่เป็นประจำจนน้องต่ายทนไม่ไหวจนน้องต่ายต้องตัดขาดจากครอบครัวและออกมาอยู่ต่างหากห่างจากครอบครัวอยู่ห่างจากพ่อแม่เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาตามมาข่มขู่อีกจนน้องต่ายต้องหนีไปอาศัยอยู่กับเพื่อนเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา

แต่พอน้องต่ายนี้ไปอยู่กับเพื่อนนายเจก็ยังตามมาง้อและหลอกอุบายขอหย่ากับน้องต่ายเพื่อที่น้องต่ายจะได้ออกมาปรากฏตัวจนมีการไปเซ็นใบหย่ากันเกิดขึ้นในวันที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มาก่อเหตุยิงน้องต่ายเสียชีวิตซึ่งทางคุณนารีรัตน์เล่าว่าก่อนหน้านี้นายเจก็ได้มีแฟนใหม่ไปแล้วแต่ก็ยังมาตามห่วงน้องต่ายอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งเรื่องนี้ครอบครัวของน้องต่ายรู้เรื่องมาโดยตลอดและตลอด 10 ปีที่ผ่านมาและนายเจไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูทั้งน้องต่ายและลูกที่เกิดด้วยกัน 1คนซึ่งตอนนี้อายุเจ็ดขวบแล้วตอนนี้พ่อแม่ของน้องต่ายและลูกชายของน้องต่ายทราบเรื่องแล้วแต่ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อว่าญาติทุกคนของน้องต่ายจะไม่มีวันให้อภัยกับนายเจถึงแม้ว่าในเจจะสำนึกผิดแล้วก็ตามส่วนนั้นแม่ของน้องต่ายก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่ายังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

และยังทำใจไม่ได้ซึ่งแม่น้องต่ายได้บอกว่าจะไม่มีทางยกโทษและอโหสิกรรมให้กับนายเจแน่นอนโดยแม่ของน้องต่ายอยากให้คนที่ทำร้ายน้องต่ายได้รับโทษด้วยการถูกประหารชีวิต แม่ของน้องตายยังเล่าให้ฟังว่าหลังจากก่อเหตุแล้วนายเจยังได้โทรเข้ามาหาแม่ตอนเวลาประมาณ หนึ่งทุ่ม

พร้อมทั้งพูดคุยปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ตอนนั้นแม่ได้รู้ข่าวแล้วว่านายเจได้ฆ่าน้องตายตายแล้วซึ่งแม่ก็ได้ดากลับนายเจเข้าไปในสาย แล้วหลังจากนั้นก็ติดต่อนายเจไม่ได้อีกเลย ซึ่งหลังจากนี้จะไม่ขอให้อภัยนายเจ อีกตลอดชีวิต เพราะนายเจ โหดร้ายเกินไป