โชเฟอร์รถตู้นั่งหลับภายใน รถผู้โดยสารสะกิดถึงรู้ว่าตายแล้ว 

        เกิดเหตุผู้โดยสารเมื่อคนขับรถตู้รายหนึ่งนางเสียชีวิตอยู่บริเวณด้านหน้าของรถตู้โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเสียชีวิตมาแล้วจะมีผู้โดยสารคนหนึ่งมาสะกิดเรียกเพื่อที่จะสอบถามว่ารถตู้จะออกตอนกี่โมงถึงทำให้รู้ว่าคนขับรถตู้คนดังกล่าวนั้นเสียชีวิตแล้วซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน

        สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อวันที่ 27 เดือนมิถุนายนพ.ศ 2563 หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนนั่งตายอยู่ภายในรถตู้ จึงได้เดินทางมาดูสำหรับจุดเกิดเหตุนั้นเกิดเหตุตรงบริเวณริมถนนเก้าห้อง-บางใหญ่  เมื่อมาถึงก็เห็นว่ามีผู้ชายอายุ 47ปีซึ่งต่อมาทราบชื่อว่านายสำเนียง

นั่งเสียชีวิตอยู่บริเวณด้านหน้าที่นั่งคนขับในสภาพตัวแข็งซึ่งจากการที่ตรวจสอบร่างกายเบื้องต้นแล้วไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใดจึงมีการคาดการณ์กันว่าคนขับรถตู้คนดังกล่าวนั้นน่าจะมีอาการโรคหัวใจวายเฉียบพลันซึ่งขณะที่มีอาการนั้นไม่มีคนเห็นจึงไม่มีใครสามารถที่จะช่วยได้ฉันนั่นเองสำหรับคนที่เห็นเหตุการณ์คนแรกนั้นชื่อว่านางยุพินโดยคุณยายยุพินบอกว่าคุณยายมารอขึ้นรถตู้คันดังกล่าวเลยมานั่งรออยู่ในรถตู้ค่อนข้างนานแล้ว

เมื่อมองนาฬิกาก็เห็นแล้วว่าถึงเวลาที่รถตู้จะออกได้แล้วแต่คนขับรถตู้ก็ไม่ยอมขับรถออกจากจุดจอดสักทีก็เห็นว่านานเกินไปแล้วคุณยายยุพินจึงได้ไปสะกิดที่ตัวของคนขับรถตู้เพื่อจะสอบถามว่าจะออกรถตู้ตอนกี่โมงจะเรียกเท่าไหร่คนขับรถตู้ก็ไม่ยอมพูดด้วยที่สำคัญเมื่อจับตัวก็พบว่าคนขับรถตู้นะนั่งตัวแข็งจึงได้ลองเขย่าดูจึงได้พบว่าคนขับรถตู้นั้นนั่งเสียชีวิตตายอยู่ในรถตู้จะได้แจ้ง

ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบว่ารถตู้คันดังกล่าวนั้นเป็นของใครซึ่งมีนายวิชาญมารับเป็นเจ้าของรถตู้เลยบอกว่าผู้เสียชีวิตนั้นได้มาเช่ารถตู้ขับและเพิ่งจะมาขับรถตู้คันดังกล่าวนั้นเพียงแค่ 4 วันเท่านั้นในตอนเช้าวันเกิดเหตุนายวิชาญยังได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เสียชีวิตซึ่งในตอนเช้าผู้เสียชีวิตนั้น

ก็ยังมีอาการปกติไม่ได้บ่งบอกว่ามีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด   หลังจากที่คุยกันแล้วผู้เสียชีวิตก็ขับรถตู้ออกมารับผู้โดยสารตามปกติ  และก็มาทราบทีหลังว่าตายเสียแล้ว ซึ่งขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดต่อให้ญาติของผู้เสียชีวิตมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสานาแล้ว

 

สนับสนุนโดย  rb88 ล็อกอิน

ผู้ป่วยโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงราย รักษาหายแล้ว

ผุู้ป่วยโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงราย รักษาหายแล้ว แต่กลับเป็นซ้ำพบปัญหาปอดอักเสบ

                 ที่จังหวัดเชียงรายได้มีรายงานข่าวออกมาจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขว่าเมื่อวันที่ 20 เดือนเมษายนปีพศ 2563 มีผู้ป่วยเดินทางเข้ามารักษาตัวด้วยอาการปอดติดเชื้อซึ่งจากการตรวจสอบประวัติผู้ป่วยรายดังกล่าวอายุประมาณ 35 ปีซึ่งจากการใช้ข้อมูลเบื้องต้น

ของทางโรงพยาบาลพบว่าชายคนดังกล่าวซึ่งถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 6 เดือนเมษายนปีพ.ศ 2553 ที่ผ่านมาด้วยการมารักษาตัวในครั้งนั้นผู้ป่วยคนดังกล่าวรักษาตัวด้วยอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยเขาถูกปล่อยตัวเนื่องจากว่าเขารักษาอาการป่วยการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จนหายดีแล้วทางโรงพยาบาลจึงได้มีการปล่อยตัวของเขาออกไปซึ่งในระหว่างนั้นทางโรงพยาบาลก็แนะนำให้ผู้ป่วยรายดังกล่าวยังต้องกักตัวเองอยู่ภายในบริเวณบ้านจนกว่าจะครบ 14 วันแต่ปรากฏว่าในขณะที่ชายคนดังกล่าวกับตัวเองอยู่นั้นกลับพบว่ามีอาการไข้ขึ้นสูงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

และเขายังมีอาการไอมากเป็นพิเศษดังนั้นญาติจึงได้พากันส่งตัวเขากลับมารักษาตัวอีกครั้งหนึ่ง เดินเขากลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งในวันที่ 18 เดือนเมษายนปีพศ 2563 ที่ผ่านมาและเมื่อทางแพทย์และพยาบาลได้มีการตรวจร่างกายของเขาแล้วพบว่าเขามีอาการปอดอักเสบซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ยังไม่ได้ฟันธงว่าอาการปอดอักเสบของเขานั้น

เกิดมาจากการติดเชื้อไวรัสตัวเดิมหรือเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียแต่เบื้องต้นทางโรงพยาบาลก็มีมาตรการป้องกัน เอาไว้ก่อนด้วยการแยกผู้ป่วยรายนี้ไปไว้ในห้องพิเศษไม่ให้ปรับปรุงร่วมกับคนอื่นเพราะถ้าหากผลตรวจออกมาแล้วพบว่าเขากลับมาเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอีกครั้งหนึ่งจะได้ไม่อันตรายกับบุคคลอื่นซึ่งเบื้องต้นอาการของเขาไม่ได้หนักมากนักยังสามารถช่วยเหลือตนเอง

ได้เดินไปไหนมาไหนได้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยืนยันว่าจะมีการดูแลอาการของผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งหากมีการตรวจสอบพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจริงตามอีกรอบหนึ่งก็จะมีการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขภายในกรุงเทพฯเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อในครั้งนี้ต่อไป

เพราะตามข้อมูลที่มีการทราบกันโดยดีนะว่าหากผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารักษาหายแล้วเขาจะมีภูมิคุ้มกันที่จะไม่กลับมาติดเชื้อได้อีกซึ่งหากใครยังมีเชื้อคงเหลือก็จะไม่สามารถแพร่ไปยังคนอื่นได้และเขาจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแต่กรณีผู้ชายคนนี้พบว่าไม่มีเชื้อโรคอยู่ในปอดซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเชื้อโรคก่อนจึงจะสามารถประกาศให้กับประชาชนทราบได้ว่าเชื้อโรคดังกล่าวเป็นเชื้อโรคประเภทไหน

 

สนับสนุนโดย  9luck

แม่ค้าตลาดสดนครนายกบุกตบกัน

    ตลาดสดจังหวัดนครนายกได้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นซึ่งจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้ที่ก่อเหตุทั้ง 2 ฝั่งนั้นเป็นญาติพี่น้องกันแต่มีเรื่องบาดหมางกันมาสักพักแล้วโดยส่วนมากมักจะชอบตะโกนด่าทอกันซึ่งฝั่งนึงเป็นแม่ค้าขายกล้วยทอดอยู่ที่ตลาดสดอีกฝั่งหนึ่งก็มักจะเดินทางมาซื้อของที่ตลาดแห่งนี้เป็นประจำ

ซึ่งเหตุการณ์ในวันดังกล่าวทั้งสองฝั่งน่าจะมีเรื่องกันมาก่อนโดยชาวบ้านก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้นเกิดจากอะไรแต่เหมือนกับฝั่งทางญาติเดินทางมาที่ตลาดแล้วก็บุกเข้ามาต่อว่าแม่ค้ากล้วยทอดจึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นแล้วก็มีคนถ่ายคลิปไปโพสต์ลง Facebook จนเป็นข่าวใหญ่โตซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นผู้เดินทางมาระงับเหตุและถ้าทั้งสองฝั่งไปสงบสติอารมณ์โดยทั้งสองปั่นถูกพาไปที่โรงพักและแจ้งความดำเนินคดีต้องเสียค่าปรับทั้งคู่  

    สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวได้ลงไปสอบถามแม่ค้าขายกล้วยทอดที่ตลาดสดจังหวัดนครนายกซึ่งเธอให้ข้อมูลว่าเธอชื่อเจ๊เปิ้ลเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอีกฝั่งหนึ่งชื่อว่าเจ๊ทิพย์ก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ปีทั้งคู่สนิทกันดีจังเจ๊เปิ้ลจึงได้ชวนเจ๊ทิพย์มาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกันโดยเจ้เปิ้ลเป็นผู้ช่วยดูแลเรื่องการหาคนงานก่อสร้างซื้อของเข้าบ้านให้อยู่ดีๆ 

เจ้ทิพย์ก็มากล่าวหาเจ๊เปิ้ลฝากโอนเงินค่าแรงโกงเงินค่าของที่ซื้อมาทำให้เจ้เปิ้ลกับเจ้ทิพย์ทะเลาะกันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และในวันเกิดเหตุนั้นเจ๊เปิ้ลตนเองและสามีเปิดร้านทิ้งเอาไว้แต่เดินทางไปธุระที่อื่นเมื่อกลับมาถึงที่ร้านก็พบว่าร้านถูกพังร้านได้รับความเสียหายซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำแต่ยืนงงอยู่สักพักเจ๊ทิพย์ก็เดินเข้ามาพากันรุมทำร้ายเปิดเจ๊เปิ้ลและสามีหลังจากนั้น

ก็มีการทะเลาะวิวาทตบตีกันเกิดขึ้นตามคลิปวีดีโอที่มีการเผยแพร่กันอยู่ในขณะนี้   โดยเจ้เปิ้ลโกรธมากบอกกับนักข่าวว่าต่อไปนี้ก็จะไม่เผาผีกันแล้ว เพราะสิ่งที่เจ้ทิพย์ทำนั้นมันเกินไปเพราะมาทำลายเครื่องมือทำมาหากิน ส่วนฝั่งทางเจ้ทิพย์ก็บอกว่าตนเองถูกเจ้เปิ้ลรังแกมาตลอด ซึ่งเธอบอกว่าเจ้เปิ้ลโกงเงินเธอ

เธอจึงได้ให้เจ้เปิ้ลไม่ต้องมาช่วยทำบ้านแล้ว และหลังจากนั้นก็ทะเลาะกันมาตลอด และทางเจ้เปิ้ลก็เคยขู่อาฆาตจะทำร้ายเธอและคนในครอบครัว และทุกครั้งที่เธอไปตลาดก็ตะโกนด่าทอเธอตลอด จนเธอทนไม่ไหวทำให้เธอต้องไปเล่าให้ลูกฟัง และเมื่อลูกของเจ้ทิพย์รู้เรื่องก็เดินทางไปเคลียร์กับทางเจ้เปิ้ลโดยพวกเธอทำร้ายร้านค้าของเจ้ทิพย์ก่อน  แต่เพราะเธอทนไม่ไหวจริงๆ

แอบเล่นการพนันแม้มีการประกาศห้ามรวมตัวกันช่วงระบาดโควิด-19 

    ที่จังหวัดนนทบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าไปทลายแก๊งบ่อนการพนันแห่งหนึ่งซึ่งมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนันโดยพบว่าสถานที่เล่นการพนันดังกล่าวเป็นอาคารชั้นเดียวซึ่งมี 2 ห้องโดยเป็นห้องหนึ่งสำหรับให้นักพนันเข้าไปเล่นไพ่ซึ่งมีจำนวนนักพนันเป็นจำนวนมากในห้องนี้อีกห้องนึงนั้นเป็นการพนันพวกตู้ปลา Slot Machine รวมถึงเกมต่างๆ

ซึ่งการเข้าจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีการรวมตัวของชาวบ้านหลายคนเพื่อเข้ามาเล่นการพนันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการนำกำลังบุกเข้าไปจับกุมซึ่งก็พบนักพนันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 114 คนโดยมีผู้ดูแลยอมรับสารภาพว่ามีการเปิดให้มีการเล่นการพนันจริงแต่ก็มีการคุยกับกลับมาที่มาเล่นการพนันว่าจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงทางบ่อนพนันเองก็มีการเตรียมเจลล้างมือรวมถึงการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไว้รองรับลูกค้า

เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกค้าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทางผู้ดูแลบ่อนการพนันยังพูดอีกว่าที่มีการเปิดบ่อนได้นั้นเนื่องจากว่าได้รับอนุญาตจากผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งของจังหวัดนนทบุรีโดยผู้มีอิทธิพลท่านนี้ได้มีการยืนยันออกมาว่าได้มีการคุยกับคนใหญ่คนโตในพื้นที่เรียบร้อยแล้วว่าสามารถที่จะเปิดให้มีการเล่นการพนันในจังหวัดนนทบุรีได้เพียง

แต่ว่าจะต้องมีการดูแลสุขอนามัยให้เรียบร้อยโดยจะต้องให้นักพนันทุกคนล้วนใส่หน้ากากอนามัยและพ่นยาฆ่าเชื้อบ่อยๆ ในการเข้าจับกุมการพนันครั้งนี้มีผู้เล่นการพนันทั้งผู้หญิงและผู้ชายและส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนชราซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองได้มีการรวบรวมรายชื่อของคนที่เข้าไปเล่นการพนันครั้งนี้ส่งไปยังหน่วยงานที่ดูแลโครงการเราไม่ทิ้งกันเพื่อที่จะตรวจสอบรายชื่อว่ามีบุคคลใดที่มีการลงทะเบียนไว้หรือไม่เนื่องจากจะต้องทำเรื่องขอปลดออกจากโครงการทำให้นักพนันอาจจะต้องไม่ได้รับเงินค่าเยียวยาในโครงการเราไม่ทิ้งกันด้วยอีกทั้งยังต้องถูกคดีในกรณีที่มีการรวมตัวกันและมีการเล่นการพนัน

     สำหรับการเปิดบ่อนพนันนั้นมีทุกพื้นที่และทุกจังหวัดขึ้นอยู่กับว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถหาสถานที่ที่เปิดการพนันได้หรือไม่เท่านั้นเองในปัจจุบันในจังหวัดอื่นๆก็น่าจะยังมีการเปิดให้เล่นการพนันอยู่ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องมีการทำงานอย่างหนักเพื่อสืบหาพื้นที่ของบ่อนการพนันเพราะสถานที่แบบนี้ก็เป็นสถานที่กลุ่มเสี่ยงที่นักพนันไปเล่นเป็นจำนวนมากและอยู่ในพื้นที่ที่แออัดทำให้เสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน 

อุบัติเหตุพระซิ่งรถชนกับมอเตอร์ไซต์ เสียชีวิต 1

ที่จังหวัดพิษณุโลก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณตรงจุดกลับรถพระว่าเกิดเหตุการณ์ที่พระขับรถเก๋งมาแล้วชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ที่กำลังจะกลับรถ

ซึ่งจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าบนถนนใกล้ตรงจุดกลับรถมีรถมอเตอร์ไซต์หนึ่งคันกำลังเบี่ยงจากเลนซ้ายไปยังเลนขวาด้วยความเร็วไม่มากนักเพื่อจะไปกลับรถจู่จู่ก็มีรถเก๋งคันสีดำคันหนึ่งวิ่งมาทางเลนขวาความเร็วสูงและพุ่งชนเข้ากับรถมอร์เตอร์ไซต์เข้าอย่างจังซึ่งคนที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวนั้นคือพระ

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีคนตายจำนวน 1 คนและคนที่บาดเจ็บอีกจำนวน 1 คนโดยคนที่ตายชื่อว่านางบุญส่ง วิลาไลน์ และส่วนคนที่บาดเจ็บชื่อว่านายนิคม วิลาไลน์ ซึ่งเป็นสามีของคนตาย โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้คนเป็นสามีที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์บาดเจ็บส่วนภรรยาที่นั่งซ้อนท้ายมาเสียชีวิตทันที ซึ่งหลังจากที่รถเก๋งได้ชนกับรถจักรยานยนต์แล้ว

รถเก๋งคันดังกล่าวได้ไปจอดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งคนขับรถเก๋งลงมาจากรถด้วยอาการตกใจซึ่งต่อมาทราบชื่อคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวว่าเป็น พระ ซึ่งชื่อว่า พระอนุชา บุญประดิษฐ์ไพศาลพระลูกวัดรินทอง พอเจอกับตำรวจหน้าตาของพระยังแสดงถึงอาการตกใจอยู่ ซึ่งท่านได้เล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า ท่านไปฉันเพลมาและกำลังขับรถ

เพื่อกลับวัดพอมาถึงจุดเกิดเหตุ รถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้ากะทันหัน ทำให้ท่านเบรกรถไม่ทันแล้วจึงได้เกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าวขึ้น ซึ่งทางบอกว่ารถเก๋งคันที่ท่านขับได้มีการติดกล้องหน้ารถเอาไว้ ตอนนี้ท่านได้นำกล้องวีดิโอดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล้วและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปตรวจสอบและนำไปเป็นหลักฐานต่อไป

    ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่าพระขับรถมาด้วยความเร็วมาก จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถเบรกได้ทันเมื่อมีรถวิ่งตัดหน้า ซึ่งหากใครที่ได้เห็นกล้องวงจรปิดจะเห็นว่ารถจักรยานยนต์ค่อยค่อยขับเบี่ยงเลนจากซ้ายไปขวาไม่ได้วิ่งข้ามตัดไปในทันที ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องนำหลักฐานทั้งจากกล้องหน้ารถของพระและกล้องจากถนนที่มีการติดตั้งไว้ตรงเสาไฟฟ้า

เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาความผิดในครั้งนี้ว่าใครผิด และที่สำคัญที่ทำให้ข่าวนี้เป็นข่าวที่ประชาชนสนใจนั่นก็เพราะว่าคนที่ขับรถเก๋งที่ไปก่อเหตุชนคนนั้นเป็นพระ ซึ่งอันที่จริงแล้วพระไม่ควรที่จะขับรถเพราะต้องสำรวจและที่สำคัญขับมาด้วยความเร็วอีกด้วย