Latest Posts

เด็กปั๊มแชร์ต่อลุงแท็กซี่ได้เงิน 8 ล้านออกรถใหม่ป้ายแดง 

             จากกรณีที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้เรื่องชายวัย 72 ปีที่ขับรถแท็กซี่แล้วไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าเช่ารถและยังได้มีการเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวที่แสนอาภัพและน่าเห็นใจให้กับคนในโลกโซเชียลฟังซึ่งทำให้หลังจากที่มีเรื่องราวของชายวัย 72 ปีที่ขับรถแท็กซี่มีการแชร์กันออกไปทำให้ภายในคืนเดียวนั้นมีคนกระหน่ำโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือชายวัย 72 ปีกันอย่างมาก

ซึ่งทำให้มียอดเงินช่วยเหลือเข้ามาถึง 8 ล้านบาทหลังจากนั้นก็มีนักข่าวไปขอสัมภาษณ์มากมายซึ่งชายวัย 72 ปียังให้ข้อมูลว่าจะมีการนำเงินไปช่วยเหลือตำบลชนิดต่างๆและนำไปสร้างบ้านอีกทั้งยังเคยให้ข้อมูลว่าตัวเขาเองนั้นอยู่คนเดียวไม่มีใครคอยดูแลหลังจากนั้นเมื่อไม่นานประมาณวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ก็มีเจ้าของอู่แท็กซี่ซึ่งเป็นอู่เดิมที่ชายวัย 72 ปีเคยไปเช่ารถเสื้อขับแท็กซี่ได้ออกมาแฉลุงวัย 72 ปี

คนดังกล่าวเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลที่เคยออกสื่อว่าไม่มีใครดูแลนั้นแท้ที่จริงแล้วเขามีรูปชายและลูกสาวคอยดูแลเลี้ยงดูซึ่งลูกทั้งสองคนก็มีงานทำปกติอีกครั้งบ้านที่บอกว่าไม่มีนั้นก็เป็นบ้านของภรรยาเก่าเขาดึงข้อมูลที่เขาเคยให้ตามสื่อนั้นไม่เป็นความจริงเลยและที่สำคัญหลังจากที่เขาได้รับเงิน 8 ล้านบาทมาแล้วเขาก็หนีหายไม่มาขับรถที่อู่อีกเลย

ซึ่งเขาได้มีการติดเงินกับเจ้าของอู่ไว้เป็นจำนวนเงิน 1,400 กว่าบาทและเงินจากลูกชายที่เขาติดเจ้าของอู่ไว้อีกหมื่น 3 พันกว่าบาทซึ่งเขาเคยทวงไปแล้วแต่ทั้งลุงวัย 72 ปีและลูกชายต่างก็ไม่ยอมนำเงินมาใช้หนี้พากันหนีหายไปจนติดต่อไม่ได้ซึ่งข่าวเรื่องนี้ยังไม่ทันป๋าลงก็มีข้อมูลจากทางโลกออนไลน์ได้มีการออกมาแฉ

เพิ่มเติมอีกว่าลุงขับรถแท็กซี่นั้นได้มีการไปออกรถแท็กซี่กันใหม่ป้ายแดงแล้วก็มีเด็กปั๊มน้ำมันเคยเห็นว่ามีการขับรถใหม่มาเติมน้ำมันที่ปั๊มซึ่งตั้งแต่ได้เงิน 8 ล้านบาทไปนั้นการแต่งกายของลุงแท็กซี่ก็มีการแต่งกายดูดีขึ้นโดยเด็กปั๊มยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันกับลุงที่เคยร้องไห้ผ่านสื่อที่ได้เงิน 8 ล้านบาทภายในคืนเดียวเพราะว่าจำรูปพรรณสัณฐานได้

เนื่องจากว่าโดยปกติแล้วลุงคนนี้มักจะมาเติมน้ำมันที่ปั๊มเป็นประจำซึ่งตอนนั้นรถแท็กซี่ของลุงจะเป็นรถเก่าๆและลุงก็จะแต่งตัวมอซอแต่ในตอนนี้นะลุงแต่งตัวดีขึ้นรวมทั้งมีรถป้ายแดงมาขับเรียบร้อยแล้วซึ่งแท็กซี่ใหม่ที่โรงแรมบังคับนั้นเป็นรถป้ายสีเหลืองเขียวแต่ก็ยังคงมาเติมแก๊สที่ปั๊มน้ำน้ำมันแถวบางพลีจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะหนีมาอยู่แถวบริเวณนี้และขับรถแท็กซี่อยู่แถวนี้

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  bk8 pantip

สาววัย 52 ปีถูกคนร้ายบุกเข้าข่มขืนกลางดึก

สาววัย 52 ปีถูกคนร้ายบุกเข้าข่มขืนกลางดึกรอดมาได้เพราะออกอุบายว่าจะไปฉี่

      เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 เมื่อหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจจังหวัดบุรีรัมย์โดยเธอร้องเรียนว่าถูกคนร้ายที่ชื่อว่านายพงศ์เทพได้เข้ามาจะข่มขืนกระทำชำเราจนเองในช่วงประมาณกลางดึกของคืนวันที่ 8 นั่นเองโดยเธอเล่าว่าเธออยู่บ้านคนเดียวเนื่องจากว่าลูกสาวของเธอนั้น

ไปทำงานอยู่ที่อื่นส่วนสามีของเธอก็ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศโดยปกติแล้วทุกคนจะรู้ว่าเธอพักอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นซึ่งในคืนวันเกิดเหตุนั้นเธอนอนอยู่ในห้องนอนด้านล่างตามปกติซึ่งเวลาซักประมาณเที่ยงคืนครึ่งจะรู้สึกว่ามีคนมาคร่อมอยู่บนล่างของเธอโดยชายคนดังกล่าวนั้นพยายามก้มลงจูบเธอ

และเมื่อเธอสัมผัสตัวก็พบว่าชายคนดังกล่าวได้มีการถอดเสื้อผ้าไว้เรียบร้อยแล้วเธอได้มีการต่อสู้ขัดขืนชายคนนั้นจึงได้บีบคอเธอและครูไม่ให้เธอตะโกนขอความช่วยเหลือไม่งั้นจะฆ่าให้ตายอีกทั้งยังได้มีการทำร้ายด้วยการปล่อยท้องเธออีกด้วยเมื่อเธอเห็นว่าเธอไม่สามารถสู้ได้แน่นอนเธอจึงได้บอกกับชายคนดังกล่าวว่าหากอยากจะมีอะไรด้วยก็ให้นอนรอไปก่อนเธอขอไปเข้าห้องน้ำเพื่อไปทำกับฉี่ในห้องน้ำสักพักนึงซึ่งชายคนดังกล่าวก็ยอมปล่อยตัวเธอ

โดยเธอสามารถเห็นหน้าชายคนนั้นได้ด้วยการนำโทรศัพท์มือถือไปส่องที่หน้าพบว่าเป็นนายพงศ์เทพซึ่งเป็นคนที่พึ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำเมื่อไม่นานมานี้เองและเป็นคนที่อยู่หมู่บ้านใกล้กันกันกับเธอแต่เธอเองไม่ได้สนิทสนมกับชายคนดังกล่าวมากนักโดยก่อนที่เธอจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อออก ไปฉี่นั้น

นายพงษ์เทพได้เดินมาทางด้านหลังและกอดเธอพร้อมกับบอกว่าเขาแอบหลงรักเธอมานานซึ่งเมื่อเธอเดินออกมาจากนายพงศ์เทพได้เธอก็รีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านทันทีพร้อมตะโกนให้คนมาช่วยเธอทำให้นายพงศ์เทพตกใจหลังจากนั้นก็ได้หนีไปสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เธอเก่าอีกว่าเธอคงไม่กล้ากลับมานอนที่บ้าน

เพราะกลัวว่านายพงษ์เทพจะกลับมาทำร้ายเธออีกคงต้องรอจนกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมตัวนายพงศ์เทพได้ส่วนทางด้านครอบครัวของนายพงศ์เทพนั้นนักข่าวได้ลงไปพบเจอกับน้าของนายพงษ์เทพ

โดยน้าของนายพรเทพยืนยันว่าหลานเป็นคนดีไม่คิดว่าหลานจะมาก่อเหตุแบบนี้ถ้าหากหลานก่อเหตุจริงก็ขอโทษผู้เสียหายด้วยซึ่งเคยอยากจะให้หลานเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเธอมีการบอกกับนักข่าวว่าเธอเพิ่งได้ข่าวมาว่าหลานของเธอนั้นไปก่อเหตุจะข่มขืนคนในหมู่บ้านข้างเคียงแต่เธอยังไม่พบกับหลานของเธอเลยจึงไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นมาอย่างไร

 

สนับสนุนโดย  bk8 thai

ใจสลาย ลูกชายวัย 1 ขวบดับคาที่ใต้ท้องรถกระบะของพ่อ

         เหตุการณ์ที่เศร้าสลดใจในครั้งนี้เกิดขึ้นในครอบครัวหนึ่งที่มีอยู่ด้วยกัน 4 คนพ่อแม่ลูกโดยลูกชายคนโตอายุ 5 ขวบและคนเล็กอายุ 1 ขวบ 2 เดือนซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 8 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563  โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่พ่อกับแม่กำลังดูแลลูกๆให้กินอาหารเช้าซึ่งรบกวนข้าวลูกทั้งสองคนเสร็จเรียบร้อยแล้วแม่เองก็ได้เดินเข้าไปในหลังบ้านเพื่อไปทำการล้างจานส่วนผู้เป็นพ่อนั้นได้เดินออกไปหน้าบ้านเพื่อที่จะนำเงินไปเข้าธนาคาร

โดยที่ทั้งสองคนไม่มีใครดูเลยว่าลูกชายทั้งสองคนของเขาเล่นอยู่ตรงบริเวณไหนโดยในขณะที่แม่ล้างจานอยู่นั้นลูกชายคนโตก็วิ่งเข้ามาบอกแม่ว่าพ่อถอยรถมาทับน้องไปทางแม่จึงได้วิ่งออกไปดูลูกก็เห็นร่างลูกชายวัย 1 ขวบ 2 เดือนอยู่ใต้ล้อรถกระบะของสามีเรียบร้อยแล้วโดยสามีเองได้บอกกับพญาว่าตอนที่ขึ้นรถมาไม่เห็นว่าลูกเดินตามมาพอจะถอยรถเพื่อออกตัวก็พบว่าตนเองถอยรถมาทับลูกตายเสียแล้วซึ่งผู้เล่นนำร่างของลูกชายไปส่งที่โรงพยาบาลแต่คุณหมอไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้โดยคุณหมอบอกว่าเด็กชายเสียชีวิตก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลแล้ว

ซึ่งคาดการณ์กันว่าเด็กน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่ตอนถูกทับครั้งแรกแล้วซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สองสามีภรรยาได้มีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและมีการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่อยู่บริเวณใกล้ชิดของสองสามีภรรยาดังกล่าวและกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะได้สามารถเอาผิดสามีที่ขับรถโดยประมาทอีกด้วย

      เหตุการณ์เศร้าสลดแบบนี้มีเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งที่พ่อหรือแม่มักจะปล่อยปละละเลยลูกให้เล่นอยู่คนเดียวแล้วจะออกไปทำธุระข้างนอกโดยที่ลืมไปว่าลูกอยู่ตรงบริเวณไหนจึงเป็นสาเหตุให้หลายครอบครัวต้องสูญเสียลูกของตนเองไปจากความประมาทเลินเล่อในการถอยรถซึ่งเป็นที่มาของการแนะนำวิธีการจอดรถว่าหากเราจะจอดรถภายในบริเวณบ้านของเรานั้น

เราควรจะถอยหลังจอดแล้วหันหน้ารถออกไปนอกบ้านเพื่อที่เวลาเราจะออกไปนอกบ้านในช่วงเช้าหรือช่วงเวลาไหนก็แล้วแต่เราจะได้ไม่ต้องถอยรถออกไปเมื่อเด็กมาอยู่ด้านหลังของตัวรถเราจะได้เห็นได้ทันทีเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการถอยรถทับเด็กและที่สำคัญไม่ควรให้เด็กอยู่ห่างสายตายิ่งในเด็กที่กำลังเล็กอย่างอายุ 1 ขวบถึง 5 ขวบด้วยแล้วเด็กเหล่านี้มักจะซุกซนและมักจะติดตามพ่อแม่อยู่เสมอดังนั้นก่อนที่จะออกรถควรเช็คให้เรียบร้อยก่อนว่าลูกมีการเดินตามหลังมาหรือไม่เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเหมือนกับกรณีของสามีภรรยาคู่นี้อีก

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 ดีไหม

เคอร์ฟิวเป็นเหตุทำให้ครูสาวเสียชีวิต

เคอร์ฟิวเป็นเหตุทำให้ครูสาวเสียชีวิตขี่รถมอเตอร์ไซค์แหกโค้งเพราะกลัวกลับบ้านไม่ทัน

      ที่จังหวัดสมุทรสงครามได้มีการแจ้งเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์แหกโค้งเป็นสาเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 รายซึ่งต่อมาทราบว่าผู้เสียชีวิตนั้นชื่อนางสาววิมลศิริ  กันใจ ซึ่งขณะนั้นมีอาชีพเป็นครูที่โรงเรียนจ้างชั่วคราว โดยจากการตรวจสอบประวัติของนางสาววิมลศิริแล้วพบว่าเธอเป็นคนจังหวัดน่านแต่เดินทางเข้ามาทำงานที่จังหวัดสมุทรสงคราม

ซึ่งมารับจ้างเป็นคุณครูคอยช่วยเหลือคุณครูผู้สอนในโรงเรียนโดยวันเกิดเหตุนั้นตำรวจคาดว่าเธอน่าจะขับรถมอเตอร์ไซค์มาด้วยความเร็วเนื่องจากว่า อาจจะไปทำธุระที่ไหนมาแล้วเกรงว่าจะกลับบ้านไม่ทันเธอปลิวจึงได้มีการขับรถมาด้วยความเร็วและพอมาถึงโค้งก็ทำให้รถหลุดโค้งเป็นเหตุให้รถมอเตอร์ไซค์ล้มและร่างของเธอกระเด็นจนทำให้เธอถึงแก่ความตายได้ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งศพไปพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งหนึ่งแล้วก็มีการติดต่อญาติเพื่อให้นำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

     สำหรับการวิเคราะห์เรื่องของอุบัติเหตุในช่วงนี้ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพบว่าผู้คนมักจะขับรถด้วยความเร็วในช่วงเวลาใกล้ 22:00 น.เพราะหลายคนเกรงว่าจะเกิดติดสถานการณ์ เคอร์ฟิว แล้วจะส่งผลให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเพราะเคยมีหลายคนที่ถูกจับกุมแล้วมีการร้องเรียนออกมาผ่านสื่อ

โดยมองว่าบางครั้งมีเหตุจำเป็นที่อาจจะต้องกลับล่าช้าแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ฟังเหตุผลในเรื่องของการกลับล่าช้าซึ่งหากถูกจับกุมก็จะถูกปรับดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่ต้องการที่จะเสียเงิน

จากการถูกปรับเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เดินทางออกไปนอกบ้านแล้วใกล้เวลาเคอร์ฟิวส่วนใหญ่ก็มักจะพบว่าจะรีบขับรถเร็วเพื่อให้ทันเวลาในการกลับเข้าบ้านและมักจะพบว่าผู้คนส่วนใหญ่มักจะประสบอุบัติเหตุจนถึงให้เสียชีวิตได้ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนางสาววิมลสิริ  นั่นเอง

        สำหรับเหตุการณ์ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะประสบอุบัติเหตุเพราะกลัวกลับบ้านไม่ทันเคอร์ฟิวนั้นควรอาจจะต้องมีหาทางป้องกันซึ่งคนที่จะทำการป้องกันได้ดีที่สุดก็คือตัวของเราเองโดยเราอาจจะต้องมีการควบคุมเวลาให้เหมาะสมในการที่จะเดินทางจากสถานที่ที่เราไปแล้วกลับมาที่บ้านโดยอาจจะต้องมีการเผื่อเวลาเอาไว้ว่าในช่วงเวลาใกล้ที่จะถึงเวลาเคอร์ฟิวอาจจะมีปัญหา

เกี่ยวกับรถติดเพราะคนจะต้องรีบกลับบ้านกันเยอะดังนั้นการเดินทางไปไหนมาไหนในช่วงเวลานี้เราควรจะเผื่อเวลาเพื่อที่จะให้เราขับรถได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเร่งได้มากเกินไปซึ่งจะสามารถช่วยให้เราลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วได้

 

สนับสนุนโดย  สูตร บาคาร่า next88

หญิงสาวสุดช้ำเลี้ยงลูกวัย 4 เดือนเพียงลำพัง

หญิงสาวสุดช้ำเลี้ยงลูกวัย 4 เดือนเพียงลำพัง  สามีทิ้งไม่มีงานทำซ้ำยังไม่มีนมให้ลูกกิน

             จากกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ติดต่อขอความช่วยเหลือด้วยการโหลดข้อมูลลง Facebook บอกเล่าเรื่องราวของตนเองที่กำลังประสบปัญหาไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกินอยู่ในขณะนี้โดยทางนักข่าวเองได้มีการลงพื้นที่ไปหาหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งเธอมีชื่อว่าแหม่ม  โดยปัจจุบันแหม่มอาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเธอต้องเลี้ยงลูกวัย 4 เดือนเพียงลำพัง

ปัจจุบันเธอไม่มีบ้านให้อยู่อาศัยจำเป็นต้องมาขออาศัยอยู่กับเพื่อนและเนื่องจากเธอต้องเลี้ยงลูกจึงไม่ได้ออกไปหางานทำทำให้ตอนนี้เธอไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกินส่วนลูกของเธอนั้นก็ไม่มีนมกินเธอต้องแก้ขัดด้วยการนำน้ำตาลทรายมาละลายน้ำแล้วส่งให้ลูกกินแทนน้ำนมซึ่งเธอได้มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือจากคนใจบุญให้ช่วยบริจาคนมผง

เพื่อมาช่วยเหลือลูกของเธอด้วยโดยเธอเล่าถึงสถานการณ์ของเธอในขณะนี้ว่าหลังจากที่เธอคลอดลูกมาสามีก็ทิ้งเธอไปทำให้เธอจำเป็นต้องเลี้ยงลูกอยู่เพียงลำพังทุกวันนี้ลูกของเธอต้องกินน้ำตาลทรายละลายน้ำเนื่องจากว่าน้ำนมของเธอนั้นไม่ไหลและหลังจากที่มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือให้คนมาบริจาคนมผงให้ก็มีคนนำนมผงมาให้เธอ

ซึ่งคาดว่าเธอจะสามารถใช้เลี้ยงดูลูกน้อยของเธอได้ประมาณ 1 เดือนซึ่งหลังจากที่นักข่าวลงพื้นที่ก็ได้มีการประสานงานไปที่สสในพื้นที่เพื่อลงมาช่วยเหลือหญิงสาวคนดังกล่าวโดย ทาง  สส. ของภูเก็ตเองก็มีการนำเงินมาช่วยเหลือ พร้อมนำอาหารแห้งและข้าวสารรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่จำเป็นในการดำรงชีวิตมามอบให้บางส่วนเพื่อให้ แหม่มสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้สักระยะหนึ่งก่อนซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่ดูแลผู้ที่มีปัญหาจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าลงมาช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ทางนักข่าวได้มีการสอบถามกับนายแพทย์กอล์ฟ

ถึงคุณค่าของน้ำตาลทรายที่ละลายน้ำให้ทารกกินนั้นเหมาะสมหรือไม่ซึ่งทางนายแพทย์เองก็ได้ออกมายืนยันว่าเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนต้องกินนมมารดาอย่างเดียวเท่านั้นการที่แม่ให้ ลูกกินน้ำตาลผสมน้ำจะทำให้เด็กมีอันตรายซึ่งอาจถึงแก่ความตายได้เนื่องจากว่า  หากมีการกินน้ำตาลในปริมาณที่มากก็จะทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวานได้และการทำงานภายในร่างกายเช่นตับก็จะต้องทำงานหนัก

เพราะอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าตับมีหน้าที่ผลิตอินซูลินออกมาเพื่อขับน้ำตาลดังนั้นยิ่งมีน้ำตาลในร่างกายเยอะตับก็ต้องยิ่งทำงานเยอะอาจจะส่งผลให้ตับของเด็กฟังได้เพราะเนื่องจากเด็กทารกร่างกายอวัยวะภายในยังไม่ค่อยสมบูรณ์อยู่แล้วดังนั้นจึงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งพี่จะนำน้ำตาลมาให้ลูกกินในช่วงเวลานี้อย่างไรก็ดีหมอกอล์ฟได้มีการแนะนำว่าให้คุณแม่ของเด็กไปขอบริจาคน้ำนมจากทางโรงพยาบาลซึ่งจะมีบางโรงพยาบาลที่มีน้ำนมแม่บริจาคให้

 

สนับสนุนโดย  next88 บาคาร่า

ผู้ป่วยโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงราย รักษาหายแล้ว

ผุู้ป่วยโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงราย รักษาหายแล้ว แต่กลับเป็นซ้ำพบปัญหาปอดอักเสบ

                 ที่จังหวัดเชียงรายได้มีรายงานข่าวออกมาจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขว่าเมื่อวันที่ 20 เดือนเมษายนปีพศ 2563 มีผู้ป่วยเดินทางเข้ามารักษาตัวด้วยอาการปอดติดเชื้อซึ่งจากการตรวจสอบประวัติผู้ป่วยรายดังกล่าวอายุประมาณ 35 ปีซึ่งจากการใช้ข้อมูลเบื้องต้น

ของทางโรงพยาบาลพบว่าชายคนดังกล่าวซึ่งถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 6 เดือนเมษายนปีพ.ศ 2553 ที่ผ่านมาด้วยการมารักษาตัวในครั้งนั้นผู้ป่วยคนดังกล่าวรักษาตัวด้วยอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยเขาถูกปล่อยตัวเนื่องจากว่าเขารักษาอาการป่วยการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จนหายดีแล้วทางโรงพยาบาลจึงได้มีการปล่อยตัวของเขาออกไปซึ่งในระหว่างนั้นทางโรงพยาบาลก็แนะนำให้ผู้ป่วยรายดังกล่าวยังต้องกักตัวเองอยู่ภายในบริเวณบ้านจนกว่าจะครบ 14 วันแต่ปรากฏว่าในขณะที่ชายคนดังกล่าวกับตัวเองอยู่นั้นกลับพบว่ามีอาการไข้ขึ้นสูงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

และเขายังมีอาการไอมากเป็นพิเศษดังนั้นญาติจึงได้พากันส่งตัวเขากลับมารักษาตัวอีกครั้งหนึ่ง เดินเขากลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งในวันที่ 18 เดือนเมษายนปีพศ 2563 ที่ผ่านมาและเมื่อทางแพทย์และพยาบาลได้มีการตรวจร่างกายของเขาแล้วพบว่าเขามีอาการปอดอักเสบซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ยังไม่ได้ฟันธงว่าอาการปอดอักเสบของเขานั้น

เกิดมาจากการติดเชื้อไวรัสตัวเดิมหรือเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียแต่เบื้องต้นทางโรงพยาบาลก็มีมาตรการป้องกัน เอาไว้ก่อนด้วยการแยกผู้ป่วยรายนี้ไปไว้ในห้องพิเศษไม่ให้ปรับปรุงร่วมกับคนอื่นเพราะถ้าหากผลตรวจออกมาแล้วพบว่าเขากลับมาเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอีกครั้งหนึ่งจะได้ไม่อันตรายกับบุคคลอื่นซึ่งเบื้องต้นอาการของเขาไม่ได้หนักมากนักยังสามารถช่วยเหลือตนเอง

ได้เดินไปไหนมาไหนได้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยืนยันว่าจะมีการดูแลอาการของผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งหากมีการตรวจสอบพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจริงตามอีกรอบหนึ่งก็จะมีการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขภายในกรุงเทพฯเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อในครั้งนี้ต่อไป

เพราะตามข้อมูลที่มีการทราบกันโดยดีนะว่าหากผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารักษาหายแล้วเขาจะมีภูมิคุ้มกันที่จะไม่กลับมาติดเชื้อได้อีกซึ่งหากใครยังมีเชื้อคงเหลือก็จะไม่สามารถแพร่ไปยังคนอื่นได้และเขาจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแต่กรณีผู้ชายคนนี้พบว่าไม่มีเชื้อโรคอยู่ในปอดซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเชื้อโรคก่อนจึงจะสามารถประกาศให้กับประชาชนทราบได้ว่าเชื้อโรคดังกล่าวเป็นเชื้อโรคประเภทไหน

 

สนับสนุนโดย  9luck

คนขายเฉาก๊วยถูกคนโกงเงินเยียวยา 5000 บาท

คนขายเฉาก๊วยถูกคนโกงเงินเยียวยา 5000 บาทคนสงสารแห่โอนเงินช่วยเหลือ

       ก่อนหน้านี้มีการพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องของลุงคนขายเฉาก๊วยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวานนี้นะคะจะได้มีการนำเสนอข่าวไปว่าถูกวัยรุ่นชายคนหนึ่งโกงเงินค่าเยียวยาโควิด  5,000 บาทไป โดยคุณลุงได้บอกว่าเด็กเป็นคนอาสาพาไปช่วยกดเงินให้เพราะตนเองทำไม่เป็นไรเมื่อเด็กกดเงินมาให้แล้วเด็กก็นำมาให้ 1,000 บาท

โดยเด็กวัยรุ่นคนดังกล่าวได้บอกกับลุงขายเฉาก๊วยว่ารัฐบาลไม่มีการแจกเงินเยียวยามาให้แล้วแต่เอามาให้แค่เพียง 1000 บาทเท่านั้นซึ่งลุงขายเฉาก๊วยก็ดีใจมากที่ได้รับเงินช่วยเหลือโดยไม่รู้เลยว่าเงินที่เหลืออีก 4000 บาทนั้น

วัยรุ่นชายคนดังกล่าวได้มีการเอาไปแล้ว ซึ่งมารู้ความจริงว่าตัวเองถูกวัยรุ่นชายคนดังกล่าวหรอกและรัฐบาลจ่ายเป็นเงิน 5,000 บาทนั้นก็เพราะว่ามีแม่ค้าเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของเงินเยียวยา 5,000 บาท

ซึ่งลงก็บอกไปว่าได้รับเรียบร้อยแล้วโดยได้รับมา 1,000 บาทแม่ค้าจึงบอกว่ารัฐบาลจ่ายอยู่ที่ 5,000 บาททำให้ลุงทราบว่าตนเองโดนวัยรุ่นคนดังกล่าวโกงเงินไปจึงได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ซึ่งจะแจ้งความได้ไม่นานเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาวัยรุ่นชายคนดังกล่าวก็ได้เข้าไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เนื่องจากว่ามีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพวัยรุ่นไทยคนดังกล่าวได้อย่างชัดเจนว่ามีการนำเงินของลุงขายเฉาก๊วยไป หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมวัยรุ่นชายคนดังกล่าวได้วัยรุ่นคนนั้นก็ได้มีการติดต่อกับคุณลุงขายเฉาก๊วยว่าจะขอคืนเงินให้เดือนละ 1,000 บาทพร้อมทั้งขอโทษโดยเขาบอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาต้องการนำเงินดังกล่าวไปทำการซ่อมรถและนำไปใช้หนี้ให้กับแม่ของเขา ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องนำเงินทั้งหมดมาจ่ายให้ลุงและไหว้ขอโทษลุง

โดยลุงขอยอดทั้งหมดคืนโดยที่ไม่ขอเป็นการแบ่งชำระและเมื่อเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปก็มีคนเห็นใจลงเป็นจำนวนมากจึงได้มีการโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือลุงฉ๋วยก๊วยเป็นจำนวนมากซึ่งมีตั้งแต่หลักสิบหลักร้อยแล้วก็หลักพันโดยล่าสุดที่มีการปรับสมุดบัญชีก็พบว่ามีเงินเข้ามาเป็นจำนวนหลักแสนบาทเลยทีเดียว

หลังจากที่ลงเฉาก๊วยได้เงินมาเป็นหลักแสนลงก็กลัวว่าในอนาคตอาจจะมีคนมาหลอกให้ลงไปกดโอนเงินให้ดังนั้นทางลุงเฉาก๊วยจึงได้ให้นักข่าวเป็นพยานโดยวงเฉาก๊วยที่มีการนำกรรไกรมาตัดบัตร ATM ของตนซึ่งหลังจากนี้หากจะต้องการใช้เงินลุงเฉาก๊วยบอกว่าจะไปเบิกเงินเองที่ธนาคารเท่านั้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้า bk8

ชาวบ้านชวนกันฆ่าตัวตาย เพราะเครียดจากพิษโควิด-19

             อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ประชาชนทุกคนต่างก็ได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมากเพราะหลายคนมีอาชีพค้าขายก็ไม่สามารถออกไปขายของได้เพราะสถานการณ์โควิด-19 

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการร้องเรียนมาที่สำนักงานขาวเลยชาวบ้านคนหนึ่งที่จังหวัดชลบุรีซึ่งเมื่อนักข่าวลงไปในพื้นที่เกี่ยวกับครอบครัวที่มีการร้องเรียนเข้ามา เมื่อไปถึงบ้านของคนที่ร้องเรียนและข่าวก็เห็นสภาพของบ้านของคนดังกล่าวว่าอยู่อาศัยด้วยการทำเพลิงอยู่มีสังกะสีเก่าๆและมีผ้าใบกั้นซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีกันอยู่ 3 คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดโดยมีคนชราอยู่ 1 คน เมื่อนักข่าวได้สอบถามคนที่ร้องเรียนชื่อว่าคุณนวลศรีว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเธอก็ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่าเธอต้องการความช่วยเหลือเนื่องจากว่าครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน

โดยปกติแล้วเธอมีอาชีพขายส้มตำและไส้กรอกซึ่งเธอจะมีรถพ่วงข้างนำไปขายที่ตลาดอยู่เป็นประจำทุกวันโดยเธอจะมีเงินหมุนเวียนอยู่ที่ 4,000 บาทโดยเงินจำนวนดังกล่าวนี้เธอก็ไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาแต่หลังจากที่มีปัญหาเรื่องของไวรัส โควิด-19 ทำให้เธอไม่สามารถออกไปขายของได้ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่บ้านและของที่เคยซื้อมาเพื่อจะนำไปทำส้มตำขายนั้นเธอก็เอามาทำกับข้าวกินบางอย่างก็เสียเน่าเปื่อยทิ้งก็ทิ้งไปตอนนี้ตัวเธอเองและพี่สาวไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท

ซึ่งในขณะที่นักข่าวสัมภาษณ์เธอก็ได้มีการเปิดหม้อข้าวให้นักข่าวดูว่าข้าวสารเธอไม่มีแล้วหม้อหุงข้าวของเธอก็ไม่มีข้าวสวยอยู่เลย ซึ่งเธอบอกว่าตอนนี้ชีวิตของเธอลำบากมาก ตอนนี้เจ้าหนี้นอกระบบมากวนทวงเงินเธอกับพี่สาวทุกวัน ซึ่งเธอบอกว่าเธอกับพี่สาวร้องไห้กันทุกวันเธอคิดมากไม่รู้จะหาเงินไปจากไหนไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไร

เพราะไม่มีต้นทุนในการทำธุรกิจอีกแล้วซึ่งเธอกับพี่สาวยังคุยกันว่าจะชวนกันไปผูกคอตายแถวๆบ้านนี่แหละ

แต่เนื่องจากว่าพี่สาวของเธอไม่กล้าที่จะผูกคอตายแต่อยากไปโดดน้ำตายที่แม่น้ำบางปะกงแต่ก็ไปไม่ได้เพราะว่าไม่มีเงินค่ารถและอีกอย่างพวกเธอก็คิดได้ว่าหากว่าเธอตายไปแล้วแม่ที่ชราภาพของเธอจะอยู่ยังไงจะมีใครดูแลดังนั้นพวกเธอเลยไม่สามารถฆ่าตัวตายได้

แต่พวกเธอก็เริ่มดีใจขึ้นว่าเริ่มมีข่าวว่ามีคนเริ่มให้การช่วยเหลือคนที่มีฐานะยากจนเธอไม่รู้จะทำยังไงก็เลยส่งข้อมูลร้องเรียนมาถึงนักข่าวว่าให้เข้ามาช่วยเหลือเธอหน่อยเธอต้องการที่อยู่อาศัยที่สามารถเปิดร้านขายของที่หน้าบ้านได้เธอจะได้ประกอบอาชีพเป็นของตนเองและมีรายได้มาช่วยเหลือตัวเองว่าตอนนี้บ้านที่อยู่อาศัยของเธอมันเป็นแค่ชุมชนแออัดทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั้งนั้นจึงไม่มีใครที่จะสามารถมีเงินมาซื้อของได้

แม่ค้าตลาดสดนครนายกบุกตบกัน

    ตลาดสดจังหวัดนครนายกได้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นซึ่งจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้ที่ก่อเหตุทั้ง 2 ฝั่งนั้นเป็นญาติพี่น้องกันแต่มีเรื่องบาดหมางกันมาสักพักแล้วโดยส่วนมากมักจะชอบตะโกนด่าทอกันซึ่งฝั่งนึงเป็นแม่ค้าขายกล้วยทอดอยู่ที่ตลาดสดอีกฝั่งหนึ่งก็มักจะเดินทางมาซื้อของที่ตลาดแห่งนี้เป็นประจำ

ซึ่งเหตุการณ์ในวันดังกล่าวทั้งสองฝั่งน่าจะมีเรื่องกันมาก่อนโดยชาวบ้านก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้นเกิดจากอะไรแต่เหมือนกับฝั่งทางญาติเดินทางมาที่ตลาดแล้วก็บุกเข้ามาต่อว่าแม่ค้ากล้วยทอดจึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นแล้วก็มีคนถ่ายคลิปไปโพสต์ลง Facebook จนเป็นข่าวใหญ่โตซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นผู้เดินทางมาระงับเหตุและถ้าทั้งสองฝั่งไปสงบสติอารมณ์โดยทั้งสองปั่นถูกพาไปที่โรงพักและแจ้งความดำเนินคดีต้องเสียค่าปรับทั้งคู่  

    สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวได้ลงไปสอบถามแม่ค้าขายกล้วยทอดที่ตลาดสดจังหวัดนครนายกซึ่งเธอให้ข้อมูลว่าเธอชื่อเจ๊เปิ้ลเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอีกฝั่งหนึ่งชื่อว่าเจ๊ทิพย์ก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ปีทั้งคู่สนิทกันดีจังเจ๊เปิ้ลจึงได้ชวนเจ๊ทิพย์มาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกันโดยเจ้เปิ้ลเป็นผู้ช่วยดูแลเรื่องการหาคนงานก่อสร้างซื้อของเข้าบ้านให้อยู่ดีๆ 

เจ้ทิพย์ก็มากล่าวหาเจ๊เปิ้ลฝากโอนเงินค่าแรงโกงเงินค่าของที่ซื้อมาทำให้เจ้เปิ้ลกับเจ้ทิพย์ทะเลาะกันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และในวันเกิดเหตุนั้นเจ๊เปิ้ลตนเองและสามีเปิดร้านทิ้งเอาไว้แต่เดินทางไปธุระที่อื่นเมื่อกลับมาถึงที่ร้านก็พบว่าร้านถูกพังร้านได้รับความเสียหายซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำแต่ยืนงงอยู่สักพักเจ๊ทิพย์ก็เดินเข้ามาพากันรุมทำร้ายเปิดเจ๊เปิ้ลและสามีหลังจากนั้น

ก็มีการทะเลาะวิวาทตบตีกันเกิดขึ้นตามคลิปวีดีโอที่มีการเผยแพร่กันอยู่ในขณะนี้   โดยเจ้เปิ้ลโกรธมากบอกกับนักข่าวว่าต่อไปนี้ก็จะไม่เผาผีกันแล้ว เพราะสิ่งที่เจ้ทิพย์ทำนั้นมันเกินไปเพราะมาทำลายเครื่องมือทำมาหากิน ส่วนฝั่งทางเจ้ทิพย์ก็บอกว่าตนเองถูกเจ้เปิ้ลรังแกมาตลอด ซึ่งเธอบอกว่าเจ้เปิ้ลโกงเงินเธอ

เธอจึงได้ให้เจ้เปิ้ลไม่ต้องมาช่วยทำบ้านแล้ว และหลังจากนั้นก็ทะเลาะกันมาตลอด และทางเจ้เปิ้ลก็เคยขู่อาฆาตจะทำร้ายเธอและคนในครอบครัว และทุกครั้งที่เธอไปตลาดก็ตะโกนด่าทอเธอตลอด จนเธอทนไม่ไหวทำให้เธอต้องไปเล่าให้ลูกฟัง และเมื่อลูกของเจ้ทิพย์รู้เรื่องก็เดินทางไปเคลียร์กับทางเจ้เปิ้ลโดยพวกเธอทำร้ายร้านค้าของเจ้ทิพย์ก่อน  แต่เพราะเธอทนไม่ไหวจริงๆ

แอบเล่นการพนันแม้มีการประกาศห้ามรวมตัวกันช่วงระบาดโควิด-19 

    ที่จังหวัดนนทบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าไปทลายแก๊งบ่อนการพนันแห่งหนึ่งซึ่งมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนันโดยพบว่าสถานที่เล่นการพนันดังกล่าวเป็นอาคารชั้นเดียวซึ่งมี 2 ห้องโดยเป็นห้องหนึ่งสำหรับให้นักพนันเข้าไปเล่นไพ่ซึ่งมีจำนวนนักพนันเป็นจำนวนมากในห้องนี้อีกห้องนึงนั้นเป็นการพนันพวกตู้ปลา Slot Machine รวมถึงเกมต่างๆ

ซึ่งการเข้าจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีการรวมตัวของชาวบ้านหลายคนเพื่อเข้ามาเล่นการพนันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการนำกำลังบุกเข้าไปจับกุมซึ่งก็พบนักพนันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 114 คนโดยมีผู้ดูแลยอมรับสารภาพว่ามีการเปิดให้มีการเล่นการพนันจริงแต่ก็มีการคุยกับกลับมาที่มาเล่นการพนันว่าจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงทางบ่อนพนันเองก็มีการเตรียมเจลล้างมือรวมถึงการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไว้รองรับลูกค้า

เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกค้าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทางผู้ดูแลบ่อนการพนันยังพูดอีกว่าที่มีการเปิดบ่อนได้นั้นเนื่องจากว่าได้รับอนุญาตจากผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งของจังหวัดนนทบุรีโดยผู้มีอิทธิพลท่านนี้ได้มีการยืนยันออกมาว่าได้มีการคุยกับคนใหญ่คนโตในพื้นที่เรียบร้อยแล้วว่าสามารถที่จะเปิดให้มีการเล่นการพนันในจังหวัดนนทบุรีได้เพียง

แต่ว่าจะต้องมีการดูแลสุขอนามัยให้เรียบร้อยโดยจะต้องให้นักพนันทุกคนล้วนใส่หน้ากากอนามัยและพ่นยาฆ่าเชื้อบ่อยๆ ในการเข้าจับกุมการพนันครั้งนี้มีผู้เล่นการพนันทั้งผู้หญิงและผู้ชายและส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนชราซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองได้มีการรวบรวมรายชื่อของคนที่เข้าไปเล่นการพนันครั้งนี้ส่งไปยังหน่วยงานที่ดูแลโครงการเราไม่ทิ้งกันเพื่อที่จะตรวจสอบรายชื่อว่ามีบุคคลใดที่มีการลงทะเบียนไว้หรือไม่เนื่องจากจะต้องทำเรื่องขอปลดออกจากโครงการทำให้นักพนันอาจจะต้องไม่ได้รับเงินค่าเยียวยาในโครงการเราไม่ทิ้งกันด้วยอีกทั้งยังต้องถูกคดีในกรณีที่มีการรวมตัวกันและมีการเล่นการพนัน

     สำหรับการเปิดบ่อนพนันนั้นมีทุกพื้นที่และทุกจังหวัดขึ้นอยู่กับว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถหาสถานที่ที่เปิดการพนันได้หรือไม่เท่านั้นเองในปัจจุบันในจังหวัดอื่นๆก็น่าจะยังมีการเปิดให้เล่นการพนันอยู่ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องมีการทำงานอย่างหนักเพื่อสืบหาพื้นที่ของบ่อนการพนันเพราะสถานที่แบบนี้ก็เป็นสถานที่กลุ่มเสี่ยงที่นักพนันไปเล่นเป็นจำนวนมากและอยู่ในพื้นที่ที่แออัดทำให้เสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน