Latest Posts

ภาพขยะอุดตันล้นคลองในกรุงเทพ

ภาพขยะอุดตันล้นคลองในกรุงเทพ ผู้ว่ากรุงเทพบอก นี่คือสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมขัง

      เมื่อวันที่ 30 เดือนพฤษภาคมปีพ.ศ 2563 Facebook ส่วนตัวของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร     ส่วนตัวของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพลตำรวจเอก  อัศวิน  ขวัญเมือง ได้มีการโพสต์รูปภาพการทำงานของทางเจ้าหน้าที่เก็บขยะซึ่งเป็นรูปของเจ้าหน้าที่กำลังขนขยะจากคลองขึ้นมาไว้ด้านบนบกพร้อมทั้งยังมีการระบุข้อความอีกว่าคนกรุงเทพฯกำลังทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลองทุกวันซึ่งภาพที่เห็นนี้เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันนำขยะขึ้น

มาจากคลองโดยระบุอีกว่าบางวันขยะก็เยอะมากจนถึงต้องใช้รถบรรทุก 5 คันในการขนนำไปทิ้งเลยทีเดียว   สำหรับเรื่องราวที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯต้องออกมาโพสต์ถึงเรื่องราวของขยะล้นคลองอย่างนี้เนื่องจากว่าตอนนี้เป็นช่วงหน้าฝนเวลาที่ฝนตกนั้นมักจะทำให้กรุงเทพมีน้ำท่วมขังรอการระบายซึ่งหลายคนก็ออกมาต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องของการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ

พี่ไม่ออกมาดูแลเกี่ยวกับเรื่องของน้ำกำลังจะท่วมกรุงเทพฯดังนั้นทางผู้ว่าราชการกรุงเทพฯจึงได้มีการถ่ายภาพที่เห็นถึงสาเหตุของน้ำท่วมขังที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯว่ามีขยะค่อนข้างเยอะในแต่ละวันโดยคนที่ทิ้งขยะก็คือประชาชนคนกรุงเทพฯทางเจ้าหน้าที่เก็บขยะจะต้องมีการคอยมาดักเอาขยะจากในคลองขึ้นจากคลองเพื่อให้น้ำสามารถระบายได้ดีซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องมีการมาเก็บขยะที่คลองทุกวันบางวันต้องใช้รถบรรทุกถึง 5 คันถึงจะสามารถขนขยะไปทิ้งได้หมด

         สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นคลองลาดพร้าวซึ่งคลองนี้จะมีสถานีสูบน้ำและ 6 โมงสำหรับรอการระบายน้ำอยู่ตรงแถวพระราม 9 ซึ่งทองแห่งนี้จะเป็นทองที่มีการเชื่อมไปยังคลองแสนแสบหลังจากนั้นจะปล่อยออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาดังนั้นหากมีพวกขยะต่างๆเหล่านี้มาขวางทางน้ำก็จะทำให้เครื่องสูบน้ำนั้นทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพอุโมงค์ระบายน้ำ

ก็จะไม่สามารถระบายน้ำได้ทันและนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำท่วมขังในกรุงเทพฯถึงแม้ว่าจะมีปริมาณฝนตกพี่น้อยมากก็ตามสำหรับขยะที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯนั้นแทบจะมีทุกครองเลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นคลองลาดพร้าวหรือคลองหลวงไผ่ต่างก็มีเจ้าหน้าที่ต้องคอยมาเก็บขยะจากการทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองกันเกือบทุกวันและหากใครสงสัยว่าทำไมผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ

ถึงไม่หามาตรการมาป้องกันคนทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองนั้นก็ต้องบอกเลยว่าการเอาผิดคนที่ทิ้งขยะนั้นทำเป็นได้ยากมากเพราะเราไม่รู้ว่าเขามาทิ้งในช่วงเวลาไหนถ้าจะให้ติดกล้องวงจรปิดเปลืองงบประมาณเสียเปล่าดังนั้นจึงขอความร่วมมือกับประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯให้ช่วยกันดูแลรักษาทำความสะอาดและเป็นหูเป็นตาแดงอย่าทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลองก็จะลดปัญหาน้ำท่วมขังในกรุงเทพฯได้แล้ว

 

สนับสนุนโดย  sagame888

ชายเลี้ยงควายถูกควายขวิดตายกลางป่าลึก

       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อมีชายคนหนึ่งได้แจ้งว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าของฝูงควายได้มีการว่าจ้างชายอีกคนหนึ่งซึ่งต่อมาทราบชื่อว่านายคูณให้ไปเลี้ยงควายโดยทางเจ้าของควายและนายคุณผู้เสียชีวิตนั้นนำควายจำนวนหลายตัวไปเลี้ยงในป่าซึ่งปกติแล้วก็จะมาเลี้ยงควายกันที่นี่เป็นประจำทุกวันอยู่แล้วซึ่งป่าบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นป่าที่อยู่ทางด้านหลังอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้อการเดินเท้าเข้าไปค่อนข้างที่จะเดินลึกซึ่งต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า

จะเดินทางไปถึงศพของผู้เสียชีวิตโดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 10 กิโลเมตรด้วยกันเมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าชายคนดังกล่าวนั้นมีสภาพร่องรอยมีรอยพกช้ำและมีรอยเหมือนถูกของมีคมแทงนอนเสียชีวิตอยู่กลางป่าซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลองดูศพแล้วน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมงด้วยกันนั้นทางด้านกู้ภัยจึงได้มีการนำร่างผู้เสียชีวิต

ออกจากป่าแต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากว่าระหว่างทางนั้นก็มีฝนตกรวมถึงการเดินทางออกจากป่านั้นมีทั้งต้นไม้คอยกีดขวางจนในที่สุดต้องใช้ระยะเวลาจนถึงประมาณช่วงเวลา 03:00 นจึงสามารถที่จะเดินทางออกมาพ้นจากป่าได้ทางด้านผู้แจ้งเหตุการณ์หรือเจ้าของควายนั้นชื่อว่านายสำรวยให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาตั้งในคูณไปทำการเลี้ยงควาย

ซึ่งตัวเขาเองก็จะไปเลี้ยงกับนายคุณด้วยเป็นแบบนี้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้วแต่ในระหว่างนั้นนายคูณเกิดอยากกินมะม่วงจึงให้ไปเก็บมะม่วงกลับมาหลังจากที่นายคุณเดินกลับมานั้นฝูงควายก็มีอาการผิดปกติเกิดอาการหงุดหงิดหุนหันพลันแล่นเข้าใส่ในคูณทันทีซึ่งในคุณไม่สามารถที่จะหนีทันได้จึงถูกควายขวิดและโดนกระทืบซ้ำจนเสียชีวิตคาที่

ทางด้านนายสำรวยเองก็ได้พยายามที่จะตะโกนห้ามปรามพยายามดึงควายเหล่านั้นแล้วแต่ก็ไม่สามารถห้ามปรามได้เจ้านายที่สุดควายก็กระทืบจนเสียชีวิตหลังจากที่ควายกระทืบนายคนจนพอใจแล้วก็วิ่งเตลิดเข้าไปในป่าส่วนตัวด้านในสำรวยเองก็ไปดูว่าในคูณยังมีชีวิตอยู่หรือไม่หลังจากเห็นว่านายคุณเสียชีวิตไปแล้วจึงได้เดินทางออกนอกอ่าเพื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ให้มาช่วยดูแลศพต้นเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางไปสำรวจเองก็ได้บอกว่าไม่แน่ใจว่าควายนั้นหงุดหงิดเรื่องอะไรอาจจะหงุดหงิดเรื่องที่ในคืนนั้นมีเป้าหรืออาจจะหงุดหงิดที่นายคูณนั้นไปเก็บมะม่วงก็เป็นได้  อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่จะต้องส่งร่างของนายคุณ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการตายอีกรอบ 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame888

ช่วยเหลือคนอื่นได้ถึง 5 ชีวิต

เด็กหญิงวัย 14 ปี เกิดอุบัติเหตุสมองตายได้บริจาคอวัยวะทำให้สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ถึง 5 ชีวิตด้วยกัน

     เหตุการณ์ที่น่าเศร้าแต่ก็น่าสรรเสริญในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการได้รับแจ้งจากทางสภากาชาดเกี่ยวกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเธอเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุโดยในครั้งแรกนั้นเธอประสบอุบัติเหตุแล้วกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเนื่องจากสมองตายแต่อย่างไรก็ดีหลังจากที่มีการรักษาอยู่มาช่วงหนึ่งก็พบว่าเธอได้เสียชีวิตลงซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

หลังจากที่เธอเสียชีวิตเรียบร้อยแล้วทางพ่อแม่ของเธอก็ได้ร่วมกันบริจาคร่างกายของเธอให้กับทางสภากาชาดซึ่งสิ่งที่ได้รับมาหลังจากที่เธอบริจาคร่างกายให้กับสภากาชาดนั้นอวัยวะภายในของเธอทั้งหมดถูกส่งต่อให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆที่รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่ทำให้ผู้ป่วยถึง 5 คนรอดชีวิตแล้วกลับมามีชีวิตใหม่จากการที่ครอบครัวของเธอได้บริจาคร่างกายของเธอ

ให้กับสภากาชาดไทยนั่นเองโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 อุบัติเหตุในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อ เด็กหญิงวัย 14 ปีชื่อเด็กหญิงมัลลิกาดวงดาราได้ประสบอุบัติเหตุและถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแต่หลังจากรักษาตัวได้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงทางแพทย์ก็ออกมาบอกว่าเด็กหญิงมาริกานั้นมีอาการภาวะสมองตายไม่สามารถที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีก

ซึ่งทางการแพทย์นั้นเรียกว่าอาการนี้คือตายแล้วถึงแม้ว่าจะยังคงมีลมหายใจอยู่ก็ตาม ตอนนั้นพ่อและแม่ของเด็กหญิงถึงแม้จะเสียใจมากแค่ไหนแต่ก็อยากให้ลูกได้สร้างบุญสร้างกุศลจึงได้ตัดสินใจการบริจาคอวัยวะของลูกให้กับคนอื่นๆซึ่งกำลังรอการช่วยเหลืออยู่อีกหลายคน รายการชักชวนของนางพยาบาลเลยบอกว่าในขณะนี้มีผู้ต้องการความช่วยเหลือรอรับบริจาคไม่ว่าจะเป็นหัวใจ   ดวงตา

หรือแม้ไต ซึ่งถ้าหากผู้ปกครองของเด็กหญิงมัลลิกาสามารถที่จะบริจาคได้ก็จะเป็นกุศลให้กับเด็กหญิงบริการอย่างมากดังนั้นพ่อกับแม่จึงได้ตัดสินใจที่จะนำร่างของโรคนั้นบริจาคให้กับสภากาชาดไทยและหลังจากที่บริจาคไปแล้วตอนนี้อวัยวะของเด็กหญิงมัลลิกาได้ส่งต่อไปช่วยชีวิตบุคคลอื่นได้จำนวนทั้งสิ้น 15 คนด้วยกันแล้วดังนั้นในวันที่ 29 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563

ทางสภากาชาดไทยจึงได้มีการนำเอกสารขอบคุณจากทางสภากาชาดไทยมาส่งต่อให้กับผู้ปกครองของเด็กหญิงมัลลิกาซึ่งการทำบุญทำกุศลในครั้งนี้ส่งผลให้ยังมีคนอื่นๆที่รอการช่วยเหลือสามารถกลับมามีชีวิตได้ตามปกติ 

          ยังไงก็ต้องตามหาใครที่ต้องการที่จะบริจาคร่างกายหรือบริจาคอวัยวะก็สามารถติดต่อที่สภากาชาดหรือติดต่อตามโรงพยาบาลประจำจังหวัดก็ได้เพื่อแจ้งเรื่องขอบริจาคร่างกายก็จะเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตนเองและให้กับผู้อื่นด้วย

 

สนับสนุนโดย  sagame

ลุงขับรถแท็กซี่ถูกชายหนุ่มหัวร้อนทำร้ายร่างกายต้องเย็บถึง 9 เข็ม

           เมื่อวันที่ 27 เดือนพฤษภาคมปีพ.ศ 2563   2553 เวลาที่บริเวณถนนบางพฤกษ์ ได้มีเหตุการณ์รถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่เกิดขึ้นและทำให้ทั้งคู่เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้นำคลิปวีดีโอออกมาเผยแพร่ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่า

หลังจากที่มีการเฉี่ยวชนกันแล้วนั้นรถมอเตอร์ไซค์ล้มลงแล้วไปกระแทกรถกระบะอีกคันหนึ่งหลังจากนั้นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ก็เดินตรงมาที่รถแท็กซี่แล้วก็ใช้หมวกกันน็อคตีไปที่ชายชราที่ขับรถแท็กซี่แบบไม่ยั้งซึ่งชราไม่สามารถสู้แรงเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ได้เลยหลังจากทะเลาะวิวาทกันจนคนขับรถแท็กซี่เลือดตกยางออกแล้วทั้งคู่ต่างก็เดินทางไปที่โรงพัก

เพื่อแจ้งความดำเนินคดีโดยทางรถมอเตอร์ไซค์เองก็แจ้งความดำเนินคดีกับว่าแท็กซี่ที่ทำให้รถเขาล้มชนแท็กซี่เองก็แจ้งความดำเนินคดีในฐานทำร้ายร่างกายอย่างไรก็ดีจากการให้สัมภาษณ์ของรวมกับรถแท็กซี่นั้นระบุว่าตัวเขาเองนั้นขับรถมาเส้นถนนดังกล่าวเพื่อต้องการที่จะนำรถไปเข้าอู่หลังจากนั้นระหว่างที่ขับรถอยู่ดีๆเขาได้สังเกตเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันนึงขับตามมาโดยมีผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายแต่รถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวพยายามตีคู่กับรถของตนและตะโกนด่าทอต่างๆนานา

รวมถึงใช้เท้าถีบรถของตนด้วยเสร็จแล้วเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ได้จอดให้หญิงสาวลงจากรถแล้วก็พยายามมาตีคู่รถของตนเองอีกครั้งหนึ่งรวมถึงขับปาดหน้าจึงเป็นสาเหตุให้ลุงขับรถแท็กซี่นั้นเบรคไม่ทันพุ่งชนรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวจนล้มจนมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปชนกับรถอีกคันนึงข้างหน้าหลังจากนั้นลงขับรถแท็กซี่ก็จอดรถเพื่อต้องการจะเจรจากับรถมอเตอร์ไซค์

แต่เมื่อเปิดกระจกรถเท่านั้นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ก็เอาหมวกกันน็อคมาตีและต่อยหน้าที่หัวลงแท็กซี่ไม่ยั้งจนต้องไปหาหมอเย็บถึง 9 เข็มด้วยกันซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้เรียบร้อยแล้วส่วนทางด้านเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์นั้นก็แจ้งความดำเนินคดีสู้กับลุงขับรถแท็กซี่เช่นเดียวกันแต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อแจ้งความเสร็จก็วิ่งหนีนักข่าวกลับไปเลย

ส่วนภาพในคลิปจะเห็นได้ว่าลงทะเบียนรถแท็กซี่นั้นถูกทำร้ายร่างกายซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาข้อมูลหลักฐานจากกล้องวงจรปิดอันอื่นๆเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นนั้นเป็นมาอย่างไรและต้องรอดูด้วยว่าบาดแผลของลุงขับรถแท็กซี่ที่ถูกทำร้ายร่างกายนั้นต้องพักนานเกิน 20 วันหรือไม่เพราะถ้าเกิดเกินก็ต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีกับชายที่ขับรถมอเตอร์ไซค์

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame666

หนุ่มหัวใจสลาย เสียรู้สาวช่างอ้อน หลงโอนเงินให้เป็นแสน 

      เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของตัวเองที่ถูกสาวหลอกให้โอนเงินไปให้แล้วก็หนีหายไป โดยเรื่องราวดังกล่าวนี้เกิดขึ้น ซึ่งนาย บุญพา ได้ออกมาเล่าเรื่องของตัวเองเมื่อวันที่ 20 เดือนพฤษภาคม ปี 2563

ว่าเขาได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งผ่านทางเฟสบุ๊กโดยฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายทักมาหาเขาก่อนและหลังจากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันเพราะรู้สึกพูดกันถูกคอ และต่อมาก็คบกันเป็นแฟน  ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวนั้น บอกว่าตนเองนั้นเป็นคนจังหวัดชัยภูมิ โดยนายบุญพา บอกว่าเริ่มรู้จักกันมาตั้งแต่วันที่ 8 เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2563

ซึ่งนายบุญพายังบอกอีกว่าตั้งแต่รู้จักกันฝ่ายหญิงก็เดินทางมาหาเขาที่บ้านหลายครั้งด้วยกัน และทุกครั้งที่ฝ่ายหญิงมาหาที่บ้านพวกเขาไม่เคยมีอะไรกันเลย ทำได้เพียงแค่จับมือกับหอมแก้มเท่านั้นเอง  หลังจากรู้จักกันได้สักพักฝ่ายหญิงก็เริ่มที่จะขอเงินนายบุญพา ซึ่งครั้งแรกนั้น มีการของเงินนายบุญพา เมื่อวันที่ 8 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563 

ซึ่งฝ่ายผู้หญิงมักจะมีข้ออ้างมาขอเงินเสมอ โดยส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าจะเอาเงินไปช่วยแม่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าใช้จ่าย หรือเอาไปใช้หนี้นอกระบบ ซึ่งแต่ละครั้งที่โอนก็เป็นเงิน สองหมื่นบาทบ้าง บางครั้งก็สามหมื่นบาทบ้าง ซึ่งโดยรวมแล้วเขาโอนเงินให้ฝ่ายหญิงไปทั้งสิ้นรวมแปดหมื่นกว่าบาท  โดยครั้งสุดท้ายฝ่ายหญิงมาของเงินกับนายบุญพา ประมาณสี่หมื่นบาทแต่เงินของนายบุญพาไม่มีแล้ว จึงให้ไปเพียงแค่ สามหมื่นบาท เหลือเอาไว้ติดธนาคารแค่ เจ็ดบาทเท่านั้น

  เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเศรษฐกิจตอนนี้กำลังแย่ และยังมีปัญหาเรื่องของการระบาดของไวรัสอีกทำให้นายบุญพา ไม่ค่อยมีรายได้ มีแต่รายจ่ายออกจนเงินหมดธนาคาร และหลังจากให้เงินไปฝ่ายหญิงก็เริ่มตีตัวออกห่าง ซึ่งเมื่อนายบุญพาไม่มีเงินจึงเอารถไปขายได้เงินมาหกหมื่นห้าพันบาท พอฝ่ายหญิงรู้เรื่องก็กลับมาหาพร้อมกับของเงิน ในวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม ปี 2563

ซึ่งนายบุญพาให้ไป หนึ่งหมื่นห้าพันบาท และพอได้เงินไปแล้วหญิงสาวก็โทรมาขอเลิกกับนายบุญพา ซึ่งตอน หลัง นายบุญพามารู้ว่าเธอไปเป็นแพนกับเพื่อนสนิทของนายบุญพาเอง  เมื่อรู้ดังนั้น นายบุญพาจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อเป็นการสั่งสอนไม่ให้หญิงสาวไปทำกับคนอื่นอีก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame66

พ่ออ้างไม่ได้ข่มขืนลูกสาวแท้ๆของตัวเอง

สำหรับเรื่องนี้ได้มีความสำคัญมากเพราะทางผู้ต้องหาเขาขอติดต่อของคุยกับอมรินทร์เพียงเท่านั้นเพียงเขาจะขอชี้แจงของสังคมเรื่องนี้เราจะต้องไล่เรียงกันแบบนี้ทุกคน คุณจำเรื่องที่มีหนูน้อยคนหนึ่งได้เขียนจดหมายเข้าไปในมูลนิธิเกี่ยวกับเด็กแล้วน้อยเขาก็ได้บอกว่าโดนพ่อข่มขืนตั้งแต่น้องอายุ11ถึงอายุ18และถ้ามันจริงก็ถือว่ามันได้เป็นเรื่องที่แปลกมากบอกพ่อให้กินยาคุมบอกให้หนูทำแท้งเห็นบอกว่าประมาณ7-8ครั้ง

และยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่าคุณจำได้คือตัวเด็กนั้นก็ได้บอกว่าเวลาที่หนูแท้งเสร็จแล้วพ่อเอาลูกของหนูใส่สายศิลป์เหมือนกับว่าจะสะกดวิญญาณเด็ก หลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์นี้ทางด้านของคุณย่าหรือว่าแม่ของผู็ต้องหาคือคุณอภิชาติได้เปิดใจกับอมรินทร์ได้บอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันได้เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงนายอภิชายนั้นเขาไม่ได้ข่มขืนลูกในไส้แท้ๆและมีเพจของสภาพเด็กที่ได้พันสายศิลป์เพราะว่าทางฝั่งเด็กเองเขาก็ได้บอกว่าเวลาที่เธอนั้นคลองออกมาเสร็จ

ก็จะเอาสายสิญจน์มาพันให้รอบตัวเหมือนกับว่าจะสะกดวิญญาณ วันนี้ที่ สภ.เมืองลำพูนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการคุมตัวคุณอภิชาติผู้เป็นพ่อของน้องเอไปส่งฟ้องศาลแต่ที่ว่ามันน่าสนใจนี้มันก็คือทางคุณอภิชาติได้มีการขออณุญาติคุยโทรศัพท์กับทางอมรินทร์เพื่อที่กำลังจะบอกความจริงว่าผมมีหลักฐานผมไม่ใช่คนที่เลวข่มขืนลูกตั้งแต่อายุ11-18

เพราะว่ามันได้มีบางจังหวะในบางช่วงบางตอนประเด็นก็คือว่ามันได้มีช่วงหนึ่งที่เขาได้ไปติดคุกแล้วจากนั้นได้ออกมาเสร็จก็บอกว่าเข้ามาย่ำยีน้องอีก วันนี้คุณอภิชาติก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์บอกเลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้ลงมือข่มขืนลูกแต่สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับเลยก็คือว่าผมมีการทำแท้งยืนยันว่าช่วยลูกทำแท้งไป1ครั้งแต่ว่าตัวเองไม่ใช่พ่อของเด็กที่อยู่ในท้องลูก

วันนี้เปิดใจเอาเป็นประเด็นก่อนเรื่องแรก น้องเอได้มีแฟนลูกสาวต้องการอิสระแล้วพ่อก็เหมือนกับว่าเป็นห่วงก็ชอบโทรศัพท์มานัดไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายตัวเองก็เลยได้ว่าเขาเพราะว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจนสุดท้ายลูกสาวก็ได้ไปคุยกับเพื่อนว่าเดี๋ยวก่อนเดี๋ยวจะออกไปมมีแฟนให้ได้แต่ต้องแจ้งจับพ่อก่อนและเพื่อนขอลูกก็ได้เข้ามาบอกว่า น้องเอ นั้นได้พูดแบบนี้ ประเด็นก็คือลูกจะแจ้งจับพ่อเพื่อที่ลูกสาวตนนั้นจะไปมีแฟนเพราะว่าพ่อไม่อยากให้ลูกนั้นมีแฟน

 

สนับสนุนโดย  bk8 ฝากเงิน

โจ๋วัย 17 ปีอาการสาหัส เมื่อแฟนใหม่ของแฟนเก่าลากไปรุมทำร้ายและข่มขืน

           เป็นเรื่องเล่ามาจากเว็บไซต์ของ The Sun โดยมีการเล่าเรื่องเมื่อวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งเรื่องเล่านี้เป็นข่าวของชายหนุ่มคนหนึ่งอายุ 17 ปีซึ่งเขาเป็นคนประเทศยูเครนสำหรับเรื่องเรื่องนั้นเกิดมาจากว่า เขาเคยมีแฟนเก่าอยู่คนนึงชื่อว่า anjelica อายุ 18 ปีคบกันได้สักพักหนึ่งก็เลิกรากันไปแต่ทั้งคู่ก็ยังคงสถานะเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่และเมื่อมาเจอกันใหม่อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 4 เดือนพฤษภาคมพศ2563

ทั้งตัวเขาเองและ Angelina รวมถึงยังมีเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆอีกหลายคนได้ไปเดินเล่นกันเพราะว่ามาเจอกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแต่ปรากฏว่าแฟนเก่าของแองเจลิน่ามาเห็นเข้าซึ่งเขาเกิดอารมณ์หึงหวงจึงไปตามเพื่อนให้มาช่วยสั่งสอนชายวัยรุ่นอายุ 17 ปีโดยเขานำเพื่อนมาด้วยกัน 2 คนชื่อว่า wt และเวลาดีทั้งสองคนนั้นได้มีการนำตัวชายวัย 17 ปี

และเจอหน้าไปที่บ้านร้างแห่งหนึ่งหลังจากนั้นเขาก็ทำร้ายชายวัยรุ่นอย่างแสนสาหัสไม่ว่าจะเป็นการพบตีบ่อยรวมถึงเขายังเอาเหล้าวอสการ์กรอกปากไทยวัย 17 ปีอีกด้วยซึ่งขนาดนั้น Angelina ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยแต่เธอถูกมัดไว้โดยทั้ง distri และวลาดีมีร์ต้องการที่จะให้เธอน่าเห็นขั้นตอนที่พวกเขารุมทำร้ายชายวัย 17 ปีและสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อทั้งดำและพากันใช้ด้ามพลั่วข่มขืนชายวัย 17 ปีอีกทั้งยังเอามีดกรีดตามตัวชายวัย 17 ปีอีกด้วย

ซึ่งขณะที่มีการทำร้ายชายวัย 17 ปีนั้นเขาก็ได้มีการถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ในขณะเดียวกันใน Garena ก็ดิ้นหลุดพอดีจึงได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือพร้อมกับวิ่งหนีชายทั้งสองคนทำให้ทั้งในและต่างตกใจพากันวิ่งหนี 1 สามารถทำให้เดือนหน้าสามารถไปตามคนมาช่วยได้หลังจากนั้นถ่ายมา 7 ปีที่ชื่อว่า  เวียเชสสลาฟเขาก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีเพราะเขาได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสไม่ว่าจะเป็นหัวแตกที่โครงหักจมูกหักหรือแม้แต่ด้านภายในร่างกายก็มีเลือดออกจากอวัยวะภายในเต็มไปหมด

เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้แม่ของ เวียเชสสลาฟไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาเผยแพร่ให้กับผู้สื่อข่าวเพื่อให้มีการกระจายข่าวและติดตามหาตัวคนที่ทำร้ายลูกชายของเธอเพราะเธอบอกว่าเมื่อเธอนำเรื่องราวดังกล่าวไปแจ้งความที่สถานีตำรวจตำรวจทำงานล่าช้าเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยและเธอกลัวว่าคนที่ก่อเรื่องทำร้ายลูกชายเธอจะหนีไปได้อย่างไรก็ดีในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับตัวคนร้ายทั้งสองคนมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยพวกเขาถูกตัดสินให้มีความผิดจำคุกนาน 12 ปีหากมีการทำร้ายเวียเชสสลาฟจริง

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 info

ตำรวจ 191ตามจับกุุมหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นพยาบาล

 

ตำรวจ 191  ตามจับกุุมหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นพยาบาลก่อนย่องมาขโมยของแม่ของนายตำรวจ

              กรณีที่ศาลอาญาตลิ่งชันได้มีการประกาศออกมาเป็นความผิดของนางสาวเบญจมาศอายุ 47 ปีเกี่ยวกับที่เธอนั้นได้มีการก่อเหตุทรัพย์สินของเจ้านายของตนเองในตอนกลางคืนซึ่งนางสาวเบญจมาศนั้นเป็นคนจังหวัดสระบุรีแต่ได้มาก่อเหตุลักทรัพย์ ของคนอื่นที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นมีทางนายตำรวจคนหนึ่งได้มีการเข้าไปแจ้งข้อหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองนั้นถูกขโมยทรัพย์สินซึ่งได้มีการเล่าเรื่องราวให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าเนื่องจากว่า แม่ของนายตำรวจท่านนั้น

ไม่สบายจำเป็นต้องเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทางนายตำรวจท่านนั้นจึงได้หาคนมาเฝ้าแม่ในช่วงเวลากลางคืนเนื่องจากตนเองนั้นต้องทำงานโดยนายตำรวจได้มีการเข้าไปหาข้อมูลคนเฝ้าไข้จาก Facebook ซึ่งเธอได้มีการลงเพจเกี่ยวกับการรับจ้างดูแลคนป่วยเด็กและคนชราโดยเธอมีการระบุเอาไว้ว่าเธอเป็นพยาบาลและรับเฝ้าไข้ตามโรงพยาบาลต่างๆด้วยซึ่งมีผู้หลงเชื่อเธอจำนวนหลายรายที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเธอเอาไว้ไม่ใช่แค่เพียงนายตำรวจคนนี้เท่านั้นโดยเธอจะอาศัยช่วงที่เวลากลางคืนในการไปนอนเฝ้าไข้คนป่วยหลังจากนั้น

เมื่อคนป่วยนอนหลับเธอก็จะมีการลักขโมยทรัพย์สินของคนป่วยและก็หนีหายไปสำหรับนายตำรวจนั้นได้มีการเล่าเรื่องราวของตนเองว่าได้มีการสร้างให้นางสาวเบญจมาศนั้นไปเฝ้าไข้แม่ของเขาโดยมีการให้ค่าจ้างวันละประมาณ 500 บาทถึง 1,000 บาทซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่านางสาวเบญจมาศนั้น

มักจะมีการเปิดรับสมัครการไปเฝ้าไข้โดยจะเน้นเป็นการเฝ้าไข้คนป่วยสูงอายุซะส่วนใหญ่และหลังจากที่มีการเข้าไปใกล้เหยื่อได้แล้วก็จะมีการขโมยทรัพย์สินในช่วงที่เหลือนอนหลับซึ่งในช่วงแรกๆนางสาวเบญจมาศจะพยายามทำให้เหยื่อตายใจและไม่ระแวงในตัวเองหลังจากนั้นก็จะมีการขโมยทรัพย์สินทยอยขโมยไปเรื่อยๆโดยมีการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่นางสาวเบญจมาศขโมยไปนั้น

จะนำไปขายแล้วจะนำเงินไปใช้ในการเปย์ ผู้ชายและนางสาวเบญจมาศเองก็เป็นคนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากด้วยซึ่งประวัติแจ้งการจับกุมของนางสาวเบญจมาศนั้นมีหลายสนใจเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น สน.โชคชัย หรือแม้แต่ สน.ปทุมวันก็ตามทางก็มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวเบญจมาศเอาไว้โดยมีการขโมยทั้งเงินสดทีวีรวมถึงสิ่งของอื่นๆเป็นจำนวนมากดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 จึงได้มีการประสานงานติดตามหาตัวนางสาวเบญจมาศทรงพบและนำนางสาวเบญจมาศมาดำเนินคดีที่ สน.บางพลัด

 

 

สนับสนุนโดย  bk8 casino

การทำอนาจารเด็กบนโรงพัก

ตำรวจยอมรับแล้ว เรื่องการทำอนาจารเด็กบนโรงพัก อ้างทำไปเพราะเมา

                   จากกรณีที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องเด็กสาววัย 14 ปีและ 16 ปี 2 คนพี่น้องถูกจับให้เสียค่าปรับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคโดยต้องมาเสียค่าปรับที่โรงพักซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงที่สถานีตำรวจนั้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่คนเดียวเนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันหยุดเด็กหญิงทั้งสองคนจึงได้ขึ้นไปบนโรงพักและสอบถามถึงวิธีการเสียค่าปรับโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่า

วันนี้เป็นวันหยุดไม่สามารถเสียค่าปรับได้แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวก็เดินมาโอบเอวหญิงสาววัย 16 ปีและ 14 ปีพร้อมทั้งบอกว่าจะพาขึ้นไปข้างบนเพื่อจ่ายค่าปรับเมื่อเด็กหญิงทั้งสองคนเดินตามขึ้นไปตำรวจคนดังกล่าวได้พาไปในห้องพักของตำรวจแล้วทำการลวนลามด้วยการขอจับหน้าอกและอวัยวะเพศของเด็กหญิงทั้งสองคนสร้างความตกใจให้กับเด็กหญิงทั้งสองคนเป็นอย่างมากโดยเธอทั้งสองคนช่วยกันผลักนายตำรวจคนนั้นออกและวิ่งหนีออกมาได้

หลังจากนั้นจึงได้ไปฟ้องยายซึ่งเป็นเหตุให้ยายพาหลานสาวทั้งสองคนมาแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งหลังจากที่มีการแจ้งความจนเป็นข่าวโด่งดังใหญ่โตแล้วทางด้านผู้คับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในนั้นได้มีการรับเรื่องไว้เพื่อมีการตรวจสอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุดังกล่าว

ก็ออกมายอมรับสารภาพเรียบร้อยแล้วว่าเป็นผู้ลงมือกระทำอนาจารเด็กสาวทั้งสองคนจริงๆเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำแต่ทำไปเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เนื่องจากตอนนั้นมีอาการเมาสุราและทำไปโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอโทษเด็กสาวทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วส่วนเด็กสาวทั้งสองคนนั้นตอนนี้ก็สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้วและทางด้านยาของเด็กสาวทั้งสองคนรวมถึงทั้งตัวเด็กสาวเองนั้นก็ได้มีการออกมาบอกว่าหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือว่าตนเองทำผิดและมาขอโทษก็พร้อมที่จะให้อภัยส่วนเรื่องของการดำเนินคดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะมีการส่งความผิดกันยังไง

และมีกระบวนการภายในกันยังไงโดยที่ทางย่าและเด็กสาวทั้งสองคนจะไม่ได้มาเรียกร้องอะไรกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุอีกเบื้องต้นที่มีข่าวออกมาในครั้งแรกนั้นได้มีคำสั่งให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุดังกล่าวออกนอกพื้นที่ก่อนเพื่อเป็นการให้ความเป็นธรรมกับเด็กสาวทั้งสองคนและป้องกันการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นข่มขู่

ซึ่งภายหลังจากที่มีการรับเรื่องไว้ก็มีการตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดต่างๆที่มีการปิดไว้ในโรงพักจึงทำให้มีพยานหลักฐานที่แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวกระทำความผิดจริง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8