รวม 3 สถานที่ในกรุงเทพฯสำหรับการขอเลขเด็ด 

         สำหรับในบทความนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่บรรดาคอหวยทั้งหลายสามารถเดินทางไปขอเลขเด็ดได้และบอกได้เลยว่าสถานที่เรานำมาแนะนำในครั้งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก

ว่ามีผู้คนไปขอเลขเด็ดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสถานที่ต่างๆที่เราจะแนะนำอยู่นี้แล้วถูกรางวัลใหญ่ๆกันอยู่หลายครั้งด้วยกันเรียกได้ว่าทุกครั้งที่จะมีการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลก่อน

การออกรางวัล 1 วันสถานที่ต่างๆที่เราจะแนะนำต่อไปนี้นั้นจะเป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนที่พากันไปเซ่นไหว้กราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอเลขเด็ดกันเลยทีเดียวมาดูกันว่าสถานที่เราจะแนะนำในกรุงเทพฯนั้นมีที่ไหนกันบ้าง 

สำหรับสถานที่แรกนั้นเป็นสถานที่โด่งดังมาอย่างยาวนานและเป็นสถานที่ที่ผู้คนนอกจากจะไปขอเลขเด็ดแล้วยังไปขอเรื่องของความรักเรื่องของโชคลาภ

หรือแม้แต่บางคนที่ไม่อยากที่จะเป็นทหารเกณฑ์ก็สามารถไปทำการบนบานศาลกล่าวจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสถานที่แห่งนี้เพื่อไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์ได้เช่นเดียวกันซึ่งสถานที่ดังกล่าวก็คือศาลแม่นาคพระโขนงนั่นเอง

ด้วยศาลแห่งนี้นั้นอยู่แถวบริเวณแขวงอ่อนนุชเขตสวนหลวงซึ่งอยู่ในวัดมหาบุตรอยู่ตรงบริเวณซอยอ่อนนุช 7 โดยจะเปิดให้ผู้คนเข้าไปกราบไหว้ขอพรได้ตั้งแต่ 7:30 น จนถึง 17.30 น.และถ้าวันก่อนหวยออก 1 วัน

ทั้งว่าจะอนุโลมเป็นพิเศษให้ผู้คนนั้นสามารถเข้าไปทำการกราบไหว้ได้ตลอดทั้งคืนเลยทีเดียว 

สำหรับสถานที่แหล่งที่ 2 ที่เป็นสถานที่ที่ผู้คนมักไปกราบไหว้ขอพรเพื่อทำการนำตัวเลขมาซื้อลอตเตอรี่กันนั้นก็คือวัดสร้อยทอง

ซึ่งอยู่แถวบริเวณถนนประชาราษฎร์สาย 1 โดยวัดแห่งนี้อยู่ในเขตพื้นที่บางซื่อซึ่งทางวัดจะเปิดให้ผู้คนเข้าไปทำบุญกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 8:00 น จนถึง 17:00 น และผู้คน

นอกจากจะไปทำบุญไหว้พระแล้วก็สามารถขอพรกับองค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดนั่นก็คือหลวงพ่อเหลือนั่นเองโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการเสี่ยงเซียมซีและนำตัวเลขที่ได้ไปทำการซื้อรางวัล 

สำหรับสถานที่แหล่งที่ 3 นั้นเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ที่ถนนพลับพลาไชยซึ่งอยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายด้วยสถานที่เหตุขอหวยแห่งนี้นั้นก็คือศาลพ่อปู่เจ้ายี่กอฮง

โดยจะอยู่บนชั้น 4 ของสถานีตำรวจพลับพลาไชยเป็นจุดที่ผู้คนมักจะไปกราบไหว้ขอเลขเด็ดจากศาลเจ้าแห่งนี้อย่างไรก็ตามศาลเจ้าแห่งนี้นั้นจะเปิดให้ผู้คนขึ้นไปกราบไหว้ขอเลขเด็ดได้เฉพาะช่วงเวลา 9:00 น – 17:00 น เท่านั้น 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    hoiana เวียดนาม

4 พฤติกรรมวัยทำงานที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ และอัมพาต  

ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดัน วัยทำงานมักเป็นกลุ่มที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพมากที่สุด โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอัมพฤกษ์และอัมพาต บทความนี้จะอธิบายถึง 4 พฤติกรรมเสี่ยงที่วัยทำงานควรหลีกเลี่ยง พร้อมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพและแนวทางป้องกัน  

 

  1. ไม่ออกกำลังกาย 

การไม่ออกกำลังกายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างเพียงพอจะส่งผลให้การเผาผลาญพลังงานลดลง ไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น และระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การขาดการออกกำลังกายยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจ  

 

  1. สูบบุหรี่จัด 

การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต สารนิโคตินและคาร์บอนมอนอกไซด์ในบุหรี่จะทำลายหลอดเลือดแดงและลดปริมาณออกซิเจนในเลือด ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น

นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การตีบตันของหลอดเลือดสมองและหัวใจได้  

 

  1. ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อย 

อาหารฟาสต์ฟู้ดมักมีไขมันอิ่มตัวสูง น้ำตาล และโซเดียมในปริมาณมาก การบริโภคอาหารประเภทนี้เป็นประจำจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง และเกิดไขมันสะสมในหลอดเลือดแดง

นอกจากนี้ อาหารฟาสต์ฟู้ดยังมีปริมาณเส้นใยอาหารต่ำ ทำให้การควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือดยากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน และอัมพฤกษ์  

 

  1. ความเครียดและกดดัน 

ความเครียดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือดโดยตรง เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณมาก

ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อพฤติกรรมการกิน การนอนหลับ และการออกกำลังกายที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอัมพฤกษ์และอัมพาต  

แนวทางป้องกัน 

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละ 30 นาที เช่น การเดินเร็วหรือปั่นจักรยาน  
  2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือหาวิธีเลิกบุหรี่ เช่น การปรึกษาแพทย์  
  3. เลือกรับประทานอาหารสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ด  
  4. จัดการความเครียด โดยการทำสมาธิ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย  

 

วัยทำงานควรให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงโรคร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพในอนาคต

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เครื่องช่วยฟังฟรี

มาทำความรู้จักกับ Google Assistant กันเถอะ 

ปัจจุบัน AI เป็นระบบอัจฉริยะที่คนทั่วโลกต่างก็นิยมใช้งานกันซึ่งหนึ่งในระบบ AI ที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักนั่นก็คือบริการจากทาง Google

ซึ่งก็คือบริการ Google Assistant ซึ่งเชื่อว่าหลายคนรู้จัก Google Assistant และมีการใช้งานเป็นอย่างดีแต่บางคนอาจจะไม่รู้ว่ามีบริการนี้อยู่ด้วยดังนั้นเราจะมาแนะนำเกี่ยวกับบริการ Google Assistant

อย่างง่ายๆว่ามีวิธีการใช้งานอย่างไรรวมถึงผลดีและผลเสียจากการใช้งาน Google Assistant นั้นเป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับบริการ Google Assistant เป็นผู้ช่วยดิจิทัลที่พัฒนาโดย Google สามารถใช้ในการตอบคำถาม ทำงานต่าง ๆ และควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ โดยใช้การสั่งงานด้วยเสียง สามารถทำงานได้บนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ลำโพงอัจฉริยะ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ Google Assistant

 

การใช้งาน Google Assistant

  1. สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต: คุณสามารถเปิด Google Assistant โดยการกดปุ่ม Home ค้างไว้ หรือพูดว่า “Hey Google” หรือ “OK Google” (ในบางรุ่นอาจต้องตั้งค่าให้รองรับคำสั่งเสียง)
  2. ลำโพงอัจฉริยะ: เช่น Google Home หรือ Nest Hub สามารถพูดว่า “Hey Google” หรือ “OK Google” เพื่อเริ่มต้นการใช้งาน
  3. อุปกรณ์สวมใส่: บนสมาร์ทวอทช์ที่รองรับ Wear OS ของ Google
  4. รถยนต์: ผ่าน Android Auto ที่ติดตั้งในรถยนต์รุ่นที่รองรับ

 

ประโยชน์ของ Google Assistant

  1. การตอบคำถาม: สามารถตอบคำถามทั่วไป เช่น สภาพอากาศ ข่าวสาร และข้อสงสัยทางวิชาการ
  2. การจัดการงานประจำวัน: เช่น การตั้งเตือน การจดบันทึกในปฏิทิน การเตือนความจำ และการส่งข้อความ
  3. การควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ: สามารถควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น หลอดไฟ ล็อคประตู และระบบควบคุมอุณหภูมิ
  4. การบันเทิง: เล่นเพลง วิทยุ พ็อดแคสต์ และดูวิดีโอบน YouTube
  5. การนำทาง: ให้ข้อมูลการเดินทางและเส้นทางผ่าน Google Maps
  6. การแปลภาษา: สามารถแปลภาษาต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์

 

 ข้อเสียของ Google Assistant

  1. ความเป็นส่วนตัว: การใช้งานต้องมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบางคนอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
  2. การพึ่งพาอินเทอร์เน็ต: การทำงานของ Google Assistant ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากไม่มีอินเทอร์เน็ตจะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
  3. ข้อจำกัดในบางภาษา: บางภาษาหรือสำเนียงอาจยังไม่รองรับอย่างเต็มที่ หรืออาจมีข้อผิดพลาดในการรับรู้คำสั่งเสียง
  4. การเข้าใจบริบท: บางครั้ง Google Assistant อาจไม่สามารถเข้าใจบริบทหรือคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า Google Assistant นั้นมีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมากเพราะสามารถอำนวยความสะดวกในหลายๆด้าน

ดังนั้นหากใครที่ยังไม่เคยใช้บริการ Google Assistant แนะนำว่าคุณลองจะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน Google Assistant และลองเข้าไปใช้งานดูรับรองว่าการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันหรือในสังคมปัจจุบันนี้ของคุณจะใช้ชีวิตได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

เลือกซื้อประกันภัยคุ้มครองบ้านที่จะช่วยให้คุณคุ้มค่าที่สุด

แนวทางในการเลือกซื้อประกันภัยคุ้มครองบ้านที่จะช่วยให้คุณคุ้มค่าที่สุด วิธีสำหรับการเลือกซื้อประกันภัยประเภทคุ้มครองบ้านที่ดี

เจ้าของบ้านหรือผู้บริโภคควรจะมีความรู้ความเข้าใจถึงเนื้อหาลักษณะบ้านของคุณให้ดี รวมทั้งความคุ้มครองปกป้องบ้านที่อยากได้

เพื่อตอบปัญหากับการพำนักของสมาชิกในครอบครัวให้ได้มากที่สุด เนื่องจากแผนรับรองบ้านแต่ละแบบ

แม้ว่าจะมีความคุ้มครองปกป้องที่ใกล้เคียงกัน แต่ว่าคุณก็สามารถเลือกเบี้ย และทุนที่จะได้รับให้เหมาะสมกับบ้านของคุณได้ โดยไม่จำเป็นจำเป็นต้องจ่ายเบี้ยแพงเสมอ

1.ประกันภัยบ้านปกป้องความเสื่อมโทรมจากสิ่งใด

เพราะอะไรบ้าง ปริศนายอดนิยมของผู้ที่กำลังจะซื้อประกันให้กับบ้าน ปกติประกันภัยที่พักอาศัย จะป้องกันภัยหลัก ๆ  อาทิเช่น ภัยจากไฟเผา ภัยจากฟ้าผ่า ระเบิด ยานพาหนะ ภัยจากอากาศยานและก็ภัยเหตุเพราะน้ำ

ไม่รวมอุทกภัย น้ำซึมจากโครงสร้างรองรับหรือท่อน้ำประปาแตกนอกตึก หรือถ้าหากให้ปกป้องมากยิ่งกว่านี้ ก็สามารถซื้อรับรองเพิ่มได้ ดังเช่น ภัยพินาศ (อุทกภัย,ลมพายุ,แผ่นดินไหว) ฯลฯ

โดยเหตุนี้ลำดับแรก คุณจำเป็นต้องตรวจสอบการเสี่ยงของบ้านแล้วก็พื้นที่ใกล้เคียงของคุณให้ดี ว่าบ้านของคุณอาจพบกับภัยประเภทใดอย่างไรได้บ้าง

 

2.ก่อนเลือกซื้อจำต้องรู้เรื่องข้องดเว้นความป้องกันการทำประกัน

โดยประกันบ้านส่วนมากจะให้ความคุ้มครองป้องกันบ้านทุกจำพวก นอกจาก บ้านไม้ทั้งหมด ซึ่งแบบแผนรับรองส่วนมากจะเจาะจงไว้เด่นชัดว่า ไม่ป้องกันบ้านชนิดไหนบ้าง

รวมทั้งการไม่ป้องกันความเสื่อมโทรมอื่น ๆ เป็นต้นว่า ความเสื่อมโทรมจากภัยการรบ การกบฏ การเปลี่ยนแปลง ความทรุดโทรมจากการแผ่รังสี การแพร่กัมมันตภาพรังสี ความทรุดโทรมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า

แผ่นวงจรกระแสไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นจากไฟฟ้าลัดวงจร และก็ความเสื่อมโทรมจากการเผาทำลายของมีค่า โดยคำบัญชาแก่พนกงานบุคลากรผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

 

3.ประกันภัยคุ้มครองบ้าน จำต้องเลือกซื้อที่มีทุนคุ้มครองมากแค่ไหนถึงจะดีนะ

สำหรับทุนคุ้มครองบ้าน ปัจจุบันนี้ก็มีเริ่มตั้งแต่หนึ่งแสนบาท ถึงมากยิ่งกว่าห้าล้านบาท ดังนี้ก็ขึ้นกับขนาด – ลักษณะบ้าน รวมทั้งสินทรัพย์ข้างในบ้านหลังนั้น ๆ

ซึ่งการซื้อรับรองบ้านที่ดี คุณควรที่จะเลือกซื้อทุนรับรองให้ครอบคลุมกับราคาบ้านและก็เงินด้านใน และไม่ควรจะทำหรือเลือกที่ทุนเกินค่าบ้านรวมทั้งเงินทองในบ้าน เนื่องจากว่าบริษัทรับรองจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน ให้ตามความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นจริง

แต่ว่าไม่เกินค่าของเงินที่ได้ทำทุนคุ้มครองไว้ ซึ่งแน่ ๆ ว่าถ้าเกิดคุณเลือกทุนรับรองที่เหมาะสมกับบ้าน ราคาเบี้ยที่จะต้องจ่ายต่อปีก็จะถูกลง ซึ่งคุณสามารถจ่ายได้สบาย ๆ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย      เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

ดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างไร

 

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในปีนี้

นับถึงวันที่ 18 กรกฎาคม ค่ามาตรฐาน S&P 500 เพิ่มขึ้นเกือบ 19%1 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขพาดหัวดังกล่าวได้บดบังแนวโน้มพื้นฐาน ผลตอบแทนที่ดีส่วนใหญ่ของตลาดเกิดจากภาคส่วนหลักจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มุ่งเน้นเทคโนโลยี

ขอบเขตที่กว้างกว่ามากของตลาดประสบกับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจน้อยกว่า การฟื้นตัวของตลาดในปี 2566 ตาม “การปรับราคา” ที่สำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นในปี 2565

ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดหมีในปีที่แล้ว โดยลดลง 20% จากจุดสูงสุดเช่นเดียวกับที่เคยทำ ดัชนีตลาดหลักอื่นๆ ตลาดได้คืนพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยอมจำนน แต่ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อต้นปี 2565

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พยายามผ่อนคลายภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อผ่านการเคลื่อนไหว มาตรการเหล่านี้รวมถึงการเพิ่มอัตราเป้าหมายระยะสั้นของเงินกองทุนของรัฐบาลกลางจากใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์เป็น 5.00% เป็น 5.25% ภายในเดือนพฤษภาคม 2566

ขั้นตอนอื่นที่ดำเนินการโดยเฟดคือการลดการถือครองพันธบัตร ขจัดสภาพคล่องที่สำคัญออกจากตลาดตราสารหนี้

การเคลื่อนไหวของเฟดได้รับการออกแบบมาเพื่อชะลออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราเงินเฟ้อ

โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสำหรับผู้ลงทุนในตราสารทุนที่เคยชินกับสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ยืดเยื้อ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและสิ่งนี้มีความหมายต่อการลงทุนของคุณเองอย่างไร ท่าที “เงินง่าย” ก่อนหน้าของเฟด การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมของตลาดหุ้นมีความแตกต่างอย่างมาก

กับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยซึ่งย้อนกลับไปได้ตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินในปี 2552 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยต่ำและอัตราเงินเฟ้อปานกลางได้รับชัยชนะ ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว สินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงหุ้นจะได้รับผลประโยชน์

“นโยบายการเงินที่สนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในประเทศหรืออสังหาริมทรัพย์” Eric Freedman หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ U.S. Bank กล่าว ตลาดหุ้นมีกำไรที่น่าประทับใจถึง 18.40% ในปี 2020 และ 28.71% ในปี 2021

“ในขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เราสามารถคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงได้” – Eric Freedman หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน U.S. Bank Wealth and Institutional Asset Management เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ซึ่งวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ก็ทำได้ดีในช่วงเวลานี้เกือบทั้งหมด โดยมีอัตราการเติบโตในปี 2564 ที่ 5.9%

ซึ่งเป็นปีปฏิทินที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการเติบโตนับตั้งแต่ปี 2527 สำหรับส่วนที่ดีกว่าที่ผ่านมา สี่ทศวรรษ อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยยังคงค่อนข้างต่ำ แม้ว่าความผันผวนจะเป็นปัญหาเป็นระยะ แต่นี่เป็นผลดีต่อนักลงทุนในตราสารทุน จากนั้นเศรษฐกิจก็เปลี่ยนทิศทางไป

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ

Shopping อย่างไรให้กระเป๋าไม่ฉีก 

 

ในยุคสมัยนี้เป็นยุคที่เงินมีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อเรามีการก้าวเท้าออกจากบ้านเราก็จะต้องเสียตังค์ทุกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าพาหนะในการพาเราเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆหรือแม้แต่ค่าอาหารการกินรวมถึงการซื้อสินค้าและบริการ  ซึ่งในปัจจุบันนั้นบอกได้เลยว่าเป็นยุคที่เข้ายากหมากแพงเป็นอย่างมาก

เพราะในตอนนี้ค่าครองชีพค่อนข้างสูงดังนั้นสินค้าจึงมีการปรับราคาสูงมากขึ้นดังนั้นถ้าหากว่าเราต้องการที่จะ Shopping ไม่ให้กระเป๋าของเราฉีกนั้นเราควรที่จะมีหลักในการเลือก Shopping ดังต่อไปนี้ 

เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าคุณจำเป็นที่จะต้องออกจากบ้านเพื่อจะไปทำการ Shopping คุณควรที่จะต้องมีการจดรายการสิ่งของที่คุณจะต้องมีการ Shopping ในครั้งนั้น 

และเลือกช็อปปิ้งเฉพาะสินค้าที่ได้มีการจดไว้ในริสเพียงเท่านั้นห้ามซื้อสินค้าที่นอกจากรายการที่ได้มีการจดเอาไว้ 

นอกจากนี้สินค้าที่จดเอาไว้นั้นควรจะต้องเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้คุณมีวินัยในตัวเองแล้วคุณจะสามารถควบคุมความต้องการในการช้อปปิ้งสินค้าได้

ที่สำคัญเมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้าแล้วดูว่าสินค้าที่เรามีการจดเอาไว้นั้นมีราคาให้เราได้เปรียบเทียบหรือไม่เพราะสินค้าเหมือนกันอาจจะมีการผลิตหลายแบรนด์และแต่ละแบรนด์นั้นก็อาจจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นเราจึงสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคาไม่แพงมาใช้งานได้

นอกจากนี้ก่อนที่เราจะเข้าไปทำการ Shopping สินค้านั้นเราควรจะต้องมีการคำนวณราคาสินค้าแบบคร่าวๆเอาไว้ก่อน

และมีการกดเงินสดติดตัวเอาไว้ให้เท่ากับจำนวนสินค้าที่เราต้องการจะซื้ออย่ากดเงินสดติดตัวเยอะมากจนเกินไป

เพราะถ้าหากว่าเรามีเงินเหลือในกระเป๋าเยอะเราก็อาจจะเผลอใจหยิบสินค้าอื่นๆโดยที่ไม่ได้อยู่ในลิสรายการที่เราเตรียมเอาไว้เพิ่มก็ได้ซึ่งมันจะส่งผลทำให้เงินในกระเป๋าที่เราเตรียมเอาไว้ไม่พอจ่ายได้ 

อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ไม่ชอบการไปช้อปปิ้งคนเดียวโอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดีมากที่คุณจะสามารถมีเพื่อนไปทำการช้อปปิ้งกับคุณได้และช่วยแชร์วิธีการช้อปปิ้งให้กับคุณและที่สำคัญยังสามารถช่วยแชร์สินค้าที่จะซื้อได้เช่นสินค้าบางรายการนั้นต้องซื้อเป็นจำนวนมาก

แต่เราอาจจะใช้ไม่หมดดังนั้นถ้าหากว่ามีเพื่อนที่สามารถมาช่วยหารแบ่งใช้งานสินค้ากับเราคนละครึ่งก็จะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้

นอกจากนี้ถ้าหากว่าใครที่ไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าแล้วอย่าลืมว่าควรจะต้องมีการเก็บใบเสร็จไว้ทุกครั้งเพราะเมื่อใดก็ตามที่สินค้าที่เราซื้อไปเกิดชำรุด  หรือมีตำหนิเราสามารถตามสินค้านั้นกลับมาคืนหรือเปลี่ยนใหม่ได้

  ถ้าหากว่าเรายังไม่มีการใช้สินค้านั้นๆโดยทุกครั้งที่เรานำสินค้ามาเปลี่ยนนั้นจะต้องมีใบเสร็จมายืนยันด้วยซึ่งโดยปกติแล้วตามห้างสรรพสินค้านั้นจะสามารถรับคืนสินค้าที่ชำรุดได้ถ้าเรานำใบเสร็จมายืนยัน

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

แคสเกม: เปลี่ยนเรื่องเล่นๆ เป็นรายได้  

ในยุคดิจิทัลที่การเล่นเกมไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิงอีกต่อไป การ แคสเกม กลายเป็นอาชีพที่น่าสนใจและสร้างรายได้มหาศาลให้กับคนรุ่นใหม่ แคสเกมไม่ได้เป็นเพียงการเล่นเกมให้คนดู

แต่ยังเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ ความสนุก และทักษะการเล่นเกมผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น YouTube, Twitch, และ Facebook Gaming

โดยอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น การโฆษณา สปอนเซอร์ การบริจาค หรือยอดวิวจากผู้ติดตาม  

แคสเกมคืออะไร?  

แคสเกม คือการบันทึกหรือถ่ายทอดสดการเล่นเกมพร้อมกับการบรรยายประกอบ ผู้แคสเกม  จะต้องมีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและสร้างความสนุกให้กับผู้ชม ซึ่งความน่าสนใจของการแคสเกม ไม่ได้อยู่แค่เกมเพลย์ แต่ยังอยู่ที่ **บุคลิก ความตลกขบขัน การวิเคราะห์เกม หรือการสร้างเอกลักษณ์ส่วนตัว** เพื่อดึงดูดผู้ติดตาม  

หลายคนอาจสงสัยว่าแคสเกมสามารถสร้างรายได้ได้อย่างไร จริงๆ แล้วช่องทางการสร้างรายได้จากการแคสเกมมีหลากหลาย เช่น  

 

  1. โฆษณาจาก YouTube หรือ Facebook Gaming  

   ผู้แคสเกมที่มีผู้ติดตามจำนวนมากสามารถเปิดระบบโฆษณา และรับรายได้จากยอดวิวได้ ยิ่งมีผู้ชมมาก รายได้ยิ่งเพิ่มขึ้น  

  1. สปอนเซอร์ 

   เมื่อผู้แคสเกมมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น บริษัทเกมหรือแบรนด์สินค้าอื่นๆ มักจะติดต่อมาให้โปรโมตเกมหรือสินค้า ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ก้อนโต  

  1. การบริจาคหรือซับสคริปชัน  

   บนแพลตฟอร์ม Twitch ผู้ชมสามารถบริจาคหรือกดสมัครสมาชิกแบบพิเศษเพื่อสนับสนุนผู้แคสเกมได้  

  1. การขายสินค้าของตัวเอง

   ผู้แคสเกมบางคนที่มีแฟนคลับเยอะจะผลิตสินค้าของตัวเอง เช่น เสื้อ กางเกง หรือของที่ระลึกเกี่ยวกับเกม มาขายให้แฟนๆ  

เคล็ดลับการเป็นแคสเกมให้ประสบความสำเร็จ  

  1. เลือกเกมที่คุณถนัดและชื่นชอบ

  การเล่นเกมที่เรามีความสนใจและมีความเชี่ยวชาญ จะทำให้การแคสเกมน่าสนใจและสนุกยิ่งขึ้น  

  1. สร้างคาแรกเตอร์และความแตกต่าง  

   ความสำเร็จในการแคสเกมไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือการเล่นเกมเพียงอย่างเดียว ผู้ชมมักชอบดูคนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน เช่น ตลก จริงจัง หรือสายแนะนำเทคนิค  

  1. มีความสม่ำเสมอในการอัปโหลดคลิป 

   การอัปโหลดคลิปสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยให้ผู้ติดตามไม่ลืมคุณ และยังเพิ่มโอกาสให้ช่องของคุณเติบโต  

  1. โต้ตอบกับผู้ติดตาม  

   การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามทำให้แฟนคลับรู้สึกใกล้ชิดและอยากติดตามคุณต่อไป  

  1. พัฒนาทักษะด้านการตัดต่อและการสตรีมมิง  

   เนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ภาพคมชัด เสียงชัดเจน จะช่วยดึงดูดผู้ชมให้ติดตามได้ง่ายขึ้น  

 

ถึงแม้ว่าการแคสเกมจะดูสนุกและสร้างรายได้ แต่ก็มีความท้าทายไม่น้อย เช่น **การแข่งขันสูง** เนื่องจากมีผู้แคสเกมจำนวนมากที่ต้องการประสบความสำเร็จในวงการนี้ นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับ **คอมเมนต์เชิงลบจากผู้ชม**

ซึ่งผู้แคสเกมต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และต้องรู้จักการพัฒนาและปรับตัวอยู่เสมอ 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว