ความเชื่อ+เทคโนโลยี โอกาสธุรกิจใหม่ในแบบฉบับ “มูเทค”

“มูเทค” (MuTech) เป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางศาสนาและความศักดิ์สิทธิ์ (หรือที่เรียกว่า “มูเตลู”)

เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการที่ผู้คนยังคงมีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังมีความต้องการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความรวดเร็ว

 

ในสังคมไทย ความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนามีบทบาทสำคัญมาช้านาน ทั้งในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจ

แนวคิดเรื่องการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระเครื่อง เครื่องราง วัตถุมงคล และการดูดวง เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ยึดถือมายาวนาน แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ผู้คนยังคงเชื่อว่าการทำบุญ การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการพึ่งพาคำทำนายจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต

 

MuTech ถือเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมความเชื่อ โดยมีการพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้คนกับความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันสำหรับดูดวง บูชาพระเครื่องออนไลน์ หรือแม้แต่การสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยี AR/VR

เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ทางศาสนาในรูปแบบใหม่ๆ เช่น การสวดมนต์ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ผ่านโลกเสมือน หรือการดูดวงโดยใช้ AI ที่สามารถคำนวณผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำจากข้อมูลส่วนตัว

 

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ให้คำแนะนำด้านความเชื่อ เช่น การเลือกใช้วันเวลาที่ดีในการเริ่มต้นธุรกิจหรือการลงทุน รวมไปถึงการใช้อัลกอริธึมเพื่อวิเคราะห์และให้คำปรึกษาในด้านนี้โดยเฉพาะ

MuTech ไม่เพียงแต่นำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับความเชื่อ แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

ให้กับผู้ประกอบการ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเครื่องรางที่หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการขายสินค้า บริการจัดส่งวัตถุมงคลถึงบ้าน หรือบริการให้คำปรึกษาด้านฮวงจุ้ยผ่านแอปพลิเคชัน กลายเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เชื่อในศาสตร์แห่งความศักดิ์สิทธิ์

 

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญก็สามารถขยายโอกาสได้ด้วยเทคโนโลยี เช่น การสร้างแอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้งานสามารถบริจาคเงินให้วัดหรือองค์กรทางศาสนาผ่านระบบออนไลน์

โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่จริง หรือการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการตรวจสอบความโปร่งใสของการบริจาคเงิน

MuTech มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและความเชื่อยังคงมีบทบาทในชีวิตของผู้คน ธุรกิจที่สามารถรวมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน

จะมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมโยงผู้คนกับศรัทธา

ในภาพรวม MuTech เป็นการตอบสนองความต้องการของสังคมในยุคปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงกับความเชื่อและศาสนา และเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต

 

สนับสนุนโดย      ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม

ประเพณี พิธีกรรมการจัดงานศพของประเทศไทย 

พิธีกรรมการจัดงานศพในประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและประเพณีที่มีมาแต่โบราณ

โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตและปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า

นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงได้แสดงความอาลัยและรับรู้การจากไปของผู้ล่วงลับ

ในประเทศไทย การจัดงานศพแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักคือ การเตรียมตัวก่อนการจัดงาน การจัดพิธี และการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต

การจัดพิธีกรรมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ขึ้นอยู่กับความเชื่อและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา

1.ภาคเหนือ: งานศพในภาคเหนือมักมีการจัดงานเป็นระยะเวลายาวนานหลายวัน โดยเฉพาะในหมู่บ้านชนบท มีการจัดเตรียมอาหารและสถานที่สำหรับรับรองผู้มาร่วมงาน

นอกจากนี้ ภาคเหนือมีประเพณีที่เรียกว่า “การตานก๋วยสลาก” ซึ่งเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย นอกจากนี้ การทำ “กองฟอน” หรือเชิงตะกอนที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภาคเหนือ

 

2.ภาคกลาง: งานศพในภาคกลางมักจะจัดอย่างเรียบง่าย โดยมักจัดที่วัดใกล้บ้านหรือในพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัว

การจัดงานศพแบบดั้งเดิมของภาคกลางมักมีการสวดอภิธรรมเป็นเวลา 3-7 วันขึ้นอยู่กับศาสนสถานและความต้องการของครอบครัว มีการจัดขบวนแห่ศพไปยังเมรุเผาศพในวันสุดท้าย พร้อมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทองและเครื่องบูชาตามความเชื่อ

 

3.ภาคอีสาน: งานศพในภาคอีสานมักมีความคึกคักและสนุกสนานในบางช่วง เนื่องจากเป็นการจัดงานให้ผู้ตายได้พบความสุขหลังความตาย

การจัดงานมักมีการสวดมนต์และการทำบุญเป็นเวลา 3-7 วันขึ้นอยู่กับฐานะของครอบครัว ในวันเผาศพมีการทำพิธีแห่ศพและเผาศพในเมรุที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ภาคอีสานยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตายหลายครั้งหลังจากงานศพเสร็จสิ้น

 

4.ภาคใต้: งานศพในภาคใต้มีลักษณะเฉพาะที่เน้นความเคารพและเรียบง่าย คล้ายคลึงกับภาคกลาง การจัดงานศพมักจะจัดขึ้นที่บ้านของผู้ตาย

โดยมีการสวดมนต์และทำบุญภายในบ้าน งานศพในภาคใต้ไม่ค่อยมีการจัดงานยาวนานเหมือนภาคเหนือหรืออีสาน

โดยมักทำพิธีสวดอภิธรรมและเผาศพภายใน 3-5 วัน มีการนิมนต์พระมาทำพิธีในวันเผาศพ นอกจากนี้ ยังมีการทำบุญครั้งใหญ่ในวันครบ 100 วันของการเสียชีวิต

 

สรุปแล้ว แม้ว่าการจัดงานศพในแต่ละภาคของประเทศไทยจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือการแสดงความเคารพและทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตาย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

NBA Power Rankings

สามอันดับแรกในการจัดอันดับพลังงานสุดท้ายของฤดูกาลเป็นของทีมจากการประชุมภาคตะวันออก

การวางตำแหน่งและการจับคู่เพลย์ออฟและเพลย์ออฟหลายรายการได้รับการตัดสินแล้วเมื่อแต่ละทีมใน NBA เล่นเกมที่ 82 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาลในวันอาทิตย์ การออกสตาร์ทถูกพัก หมัดถูกขว้าง ใส่กำแพงและใส่เพื่อนร่วมทีมและมีการสืบสวนในลีกหลังจากทีม

Mavericks เลือกให้นั่งผู้เล่นคนสำคัญในเกมที่แพ้ Bulls เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามรักษาการเลือกรอบแรกไว้

ตอนนี้ฤดูกาลปกติอยู่ในมุมมองด้านหลัง 20 ทีมยังคงอยู่ในการล่าแชมป์ และหลังจากทัวร์นาเมนต์เพลย์อินในสัปดาห์นี้ 16 คนจะยังคงยืนหยัดด้วยความหวังที่จะคว้ารางวัล Larry O’Brien Trophy ในเดือนมิถุนายน

มิลวอกี บัคส์ 58–24 อันดับก่อนหน้า 1 Bucks จบด้วยสถิติที่ดีที่สุดใน NBA เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20

แม้จะทิ้งสองเกมสุดท้ายให้กับ Grizzlies และ Raptors Giannis Antetokounmpo ผู้ซึ่งมีโอกาสคว้ารางวัล MVP ที่สามของเขา พลาดสามเกมสุดท้ายของปี แต่เขาทำสามเท่าตัวในการชนะพ่อมดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตอนนี้มิลวอกีกำลังรอผลการแข่งขันเพลย์อินของสัปดาห์นี้เพื่อค้นหาคู่ต่อสู้ในรอบเพลย์ออฟรอบแรก

บอสตัน เซลติกส์ 57–25 อันดับก่อนหน้า 2 เซลติกส์แชมป์การประชุมภาคตะวันออกปิดฉากปีด้วยสตรีคชนะสามเกมที่มุ่งหน้าสู่ฤดูหลัง หลังจากแพ้ฟิลาเดลเฟีย 2 แต้ม

 

เมื่อวันอังคาร บอสตันเอาชนะโตรอนโตได้ 2 แต้ม และแซงหน้าแอตแลนตาในตอนจบฤดูกาลด้วยการคว้าชัยชนะมากที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2008-09 Jayson Tatum (สะโพก) และ Jaylen Brown (นิ้ว)

ต่างก็พลาดเกมไม่กี่เกมติดต่อกัน แต่ Sam Hauser (เกมติดต่อกันที่มี 26 คะแนน) และ Payton Pritchard (ทริปเปิลดับเบิลกับ Hawks) แบกรับภาระด้วย ออลสตาร์ออกแล้ว

 

ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส Joel Embiid และ 76ers ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคารในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดของลีกส่ง 52 คะแนนและ 13 กระดานในชัยชนะสองแต้มเหนือเซลติกส์ ฟิลาเดลเฟียพลิกกลับและแพ้ไมอามีภายในเวลา 28 น.

ในอีกไม่กี่คืนต่อมาแต่กลับมาอยู่ในเส้นทางในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่มีเอ็มบีอิดหรือเจมส์ ฮาร์เดน ด้วยชัยชนะเหนือแอตแลนตาและบรู๊คลิน

ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้รอบเพลย์ออฟรอบแรก The Sixers จบด้วยชัยชนะมากที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2000-01 ซึ่งตรงกับปีที่ Allen Iverson ได้รับรางวัล MVP ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจอยู่ในไพ่สำหรับ Embiid หลังจากจบอันดับรองชนะเลิศสองปีติดต่อกัน

นักเก็ตเดนเวอร์ เดนเวอร์จบสตรีคที่แพ้สามเกมในวันอาทิตย์กับซาคราเมนโตโดยมี Nikola Jokić, Jamal Murray, Michael Porter Jr. และ Aaron Gordon ลงเล่นทั้งหมด นักเก็ตส์คว้าอันดับ 1 ในการประชุมสายตะวันตกไปแล้ว

แม้ว่าจะไร้ชัยชนะเมื่อต้นสัปดาห์ รวมถึงความพ่ายแพ้ต่อร็อคเก็ตส์และแจ๊ส เดนเวอร์เป็นเพียงเกมเดียวที่สูงกว่า .500 นับตั้งแต่ช่วงพัก All-Star แต่ยังคงรั้งเมมฟิสไว้สำหรับเมล็ดพันธุ์อันดับต้น ๆ ของตะวันตก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย        คาสิโนเวียดนาม

ทำอย่างไรให้ “ไลค์-แชร์-โพสต์” แบบไม่ผิดกฎหมาย

ในยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การกดไลค์ แชร์ หรือโพสต์ข้อมูลเป็นสิ่งที่ทำกันอย่างแพร่หลาย

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจไม่ทราบว่าการกระทำเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้หากไม่ระมัดระวัง ดังนั้น เราควรรู้จักแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมายและป้องกันตัวเองจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

  1. ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลก่อนโพสต์หรือแชร์

   – การแชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือข่าวปลอม (Fake News) อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์) ที่สามารถเอาผิดกับผู้ที่เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น

   – ควรตรวจสอบข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ข่าวที่มีชื่อเสียง หรือหน่วยงานราชการ ก่อนตัดสินใจโพสต์หรือแชร์

 

  1. หลีกเลี่ยงการโพสต์หรือแชร์เนื้อหาหมิ่นประมาท

   – การโพสต์หรือแชร์ข้อมูลที่พาดพิงผู้อื่น อาจถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา และหากเป็นการกระทำบนโซเชียลมีเดีย อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษหนักกว่า

   – แม้แต่การกด “ไลค์” หรือคอมเมนต์ที่สนับสนุนข้อความที่เป็นเท็จหรือหมิ่นประมาทก็อาจเข้าข่ายความผิดได้

   – หลีกเลี่ยงการโพสต์ข้อความที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง

 

  1. ไม่โพสต์หรือแชร์เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์

   – รูปภาพ วิดีโอ บทความ หรือเพลงที่ไม่มีลิขสิทธิ์ หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ หากนำมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และมีโทษตามกฎหมาย

   – หากต้องการใช้สื่อของผู้อื่น ควรขออนุญาตก่อน หรือใช้สื่อที่เปิดให้ใช้งานฟรี (Creative Commons) และให้เครดิตตามที่กำหนด

 

  1. ระวังการโพสต์หรือแชร์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ 

– หลีกเลี่ยงการโพสต์หรือแชร์ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยก ความรุนแรง หรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น ข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล กองทัพ หรือสถาบันต่าง ๆ

   – การแชร์ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือบิดเบือนเกี่ยวกับสถาบันสำคัญของชาติอาจทำให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

  1. หลีกเลี่ยงการโพสต์หรือแชร์ข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

   – การเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่น เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หรือรูปภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

   – ควรขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อนโพสต์หรือแชร์เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย

 

  1. อย่าใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือหลอกลวงหรือฉ้อโกง

   – การโพสต์หรือแชร์ข้อความที่เป็นเท็จเพื่อหลอกลวง เช่น การขายสินค้าหลอกลวง โฆษณาเกินจริง หรือแชร์ข้อมูลปลอมเกี่ยวกับการลงทุน อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง

   – ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลก่อนกดแชร์หรือโพสต์เพื่อป้องกันการมีส่วนร่วมในการกระทำผิดกฎหมาย

 

  1. ระมัดระวังการโพสต์หรือแชร์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือผิดศีลธรรม

   – การโพสต์ภาพหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาลามกอนาจารหรือรุนแรง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้โพสต์เอง

   – ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติและคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น

 

การใช้โซเชียลมีเดียให้ปลอดภัยและถูกกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราระมัดระวังในการไลค์ แชร์ หรือโพสต์ข้อมูล

โดยยึดหลักการตรวจสอบแหล่งที่มา หลีกเลี่ยงการหมิ่นประมาท ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิส่วนบุคคล และไม่นำไปใช้ในทางที่ผิด

การใช้สื่อออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบจะช่วยให้เราสนุกกับการใช้โซเชียลมีเดียโดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาการของ Shopaholic: ภาวะเสพติดการช้อปปิ้ง 

Shopaholic หรือ ภาวะเสพติดการช้อปปิ้ง เป็นอาการที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและการเงินอย่างรุนแรง

ผู้ที่มีอาการนี้มักไม่สามารถควบคุมความต้องการซื้อของได้ จนกลายเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายทั้งด้านจิตใจและการเงิน  

 

หนึ่งในอาการสำคัญของ Shopaholic คือ การซื้อของเป็นประจำทุกวันหรือทุกสัปดาห์ ผู้ที่มีอาการนี้มักจะหาโอกาสช้อปปิ้งอยู่เสมอ โดยอาจเริ่มต้นจากความสนุกหรือความสุขในการซื้อของ แต่เมื่อเวลาผ่านไป

การช้อปปิ้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้ พวกเขามักจะรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขอย่างมากในช่วงเวลาที่ได้ซื้อของ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของออนไลน์หรือการไปเดินช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า  

 

ช้อปปิ้งเพื่อคลายเครียด เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะนี้ หลายคนใช้การซื้อของเป็นวิธีการปลดปล่อยความเครียด ความเศร้า หรือความเบื่อหน่าย

เมื่อรู้สึกไม่สบายใจหรือวิตกกังวล การช้อปปิ้งกลายเป็นเครื่องมือในการเยียวยาจิตใจชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ความสุขเหล่านี้เป็นเพียงช่วงสั้นๆ และมักตามมาด้วยความรู้สึกผิดหรือเสียใจหลังจากได้ช้อปปิ้ง  

ผู้ที่เสพติดการช้อปปิ้งมัก ใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงิน และอาจเปิดบัตรเครดิตใหม่เพิ่มเพื่อให้สามารถช้อปปิ้งต่อไปได้

แม้ว่าจะยังมีหนี้ค้างชำระจากบัตรใบเก่า พฤติกรรมนี้นำไปสู่ปัญหาการเงินที่รุนแรงและเป็นวงจรซ้ำซาก การช้อปปิ้งเกินตัวโดยไม่คำนึงถึงรายได้ที่แท้จริง ส่งผลให้เกิดหนี้สินสะสมมากขึ้นจนไม่สามารถจัดการได้  

 

อาการอีกประการที่พบคือ การซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือซื้อของมาแล้วไม่ได้ใช้ เช่น การซื้อเสื้อผ้าจำนวนมากแต่ไม่เคยสวมใส่ หรือการซื้อสินค้าซ้ำๆ

โดยไม่มีเหตุผลที่สมควร สินค้าที่ถูกซื้อมาอาจถูกเก็บไว้โดยไม่ได้ใช้งาน ทำให้กลายเป็นภาระในการจัดเก็บและเป็นหลักฐานที่สะท้อนถึงพฤติกรรมเสพติดการช้อปปิ้ง  

 

ความตื่นเต้นและความเคลิบเคลิ้มขณะได้ช้อปปิ้งเป็นสัญญาณทางจิตวิทยาที่เกิดจากการหลั่งสารโดพามีนในสมอง คล้ายกับความรู้สึกตื่นเต้นจากการเสพติดสิ่งอื่น เช่น การพนันหรือการดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ที่มีอาการนี้ต้องการซื้อของมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้ง  

 

ในกรณีที่รุนแรง ผู้ที่เสพติดการช้อปปิ้งอาจ โกหกหรือลักขโมยเพื่อให้ได้ช้อปปิ้งต่อ พฤติกรรมนี้อาจเริ่มจากการโกหกคนรอบข้างเกี่ยวกับการใช้เงิน หรือซ่อนของที่ซื้อมาเพื่อไม่ให้ใครรู้ และในบางรายอาจถึงขั้นลักขโมยเพื่อหาเงินมาช้อปปิ้งต่อไป  

แม้ผู้ที่มีอาการ Shopaholic จะ รู้สึกผิดหรือเสียใจหลังได้ช้อปปิ้ง แต่ก็ยังคงทำซ้ำอีก การเสพติดนี้มีลักษณะคล้ายการเสพติดสารเคมีตรงที่ยากจะหลุดพ้นจากพฤติกรรมดังกล่าว แม้จะตั้งใจหยุดหรือพยายามควบคุมตัวเอง แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถยับยั้งความต้องการได้ 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังยี่ห้อไหนดี

4 พฤติกรรมวัยทำงานที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ และอัมพาต  

ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดัน วัยทำงานมักเป็นกลุ่มที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพมากที่สุด โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอัมพฤกษ์และอัมพาต บทความนี้จะอธิบายถึง 4 พฤติกรรมเสี่ยงที่วัยทำงานควรหลีกเลี่ยง พร้อมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพและแนวทางป้องกัน  

 

  1. ไม่ออกกำลังกาย 

การไม่ออกกำลังกายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างเพียงพอจะส่งผลให้การเผาผลาญพลังงานลดลง ไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น และระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การขาดการออกกำลังกายยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจ  

 

  1. สูบบุหรี่จัด 

การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต สารนิโคตินและคาร์บอนมอนอกไซด์ในบุหรี่จะทำลายหลอดเลือดแดงและลดปริมาณออกซิเจนในเลือด ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น

นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การตีบตันของหลอดเลือดสมองและหัวใจได้  

 

  1. ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อย 

อาหารฟาสต์ฟู้ดมักมีไขมันอิ่มตัวสูง น้ำตาล และโซเดียมในปริมาณมาก การบริโภคอาหารประเภทนี้เป็นประจำจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง และเกิดไขมันสะสมในหลอดเลือดแดง

นอกจากนี้ อาหารฟาสต์ฟู้ดยังมีปริมาณเส้นใยอาหารต่ำ ทำให้การควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือดยากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน และอัมพฤกษ์  

 

  1. ความเครียดและกดดัน 

ความเครียดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือดโดยตรง เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณมาก

ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อพฤติกรรมการกิน การนอนหลับ และการออกกำลังกายที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอัมพฤกษ์และอัมพาต  

แนวทางป้องกัน 

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละ 30 นาที เช่น การเดินเร็วหรือปั่นจักรยาน  
  2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือหาวิธีเลิกบุหรี่ เช่น การปรึกษาแพทย์  
  3. เลือกรับประทานอาหารสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ด  
  4. จัดการความเครียด โดยการทำสมาธิ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย  

 

วัยทำงานควรให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงโรคร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพในอนาคต

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เครื่องช่วยฟังฟรี

มาทำความรู้จักกับ Google Assistant กันเถอะ 

ปัจจุบัน AI เป็นระบบอัจฉริยะที่คนทั่วโลกต่างก็นิยมใช้งานกันซึ่งหนึ่งในระบบ AI ที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักนั่นก็คือบริการจากทาง Google

ซึ่งก็คือบริการ Google Assistant ซึ่งเชื่อว่าหลายคนรู้จัก Google Assistant และมีการใช้งานเป็นอย่างดีแต่บางคนอาจจะไม่รู้ว่ามีบริการนี้อยู่ด้วยดังนั้นเราจะมาแนะนำเกี่ยวกับบริการ Google Assistant

อย่างง่ายๆว่ามีวิธีการใช้งานอย่างไรรวมถึงผลดีและผลเสียจากการใช้งาน Google Assistant นั้นเป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับบริการ Google Assistant เป็นผู้ช่วยดิจิทัลที่พัฒนาโดย Google สามารถใช้ในการตอบคำถาม ทำงานต่าง ๆ และควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ โดยใช้การสั่งงานด้วยเสียง สามารถทำงานได้บนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ลำโพงอัจฉริยะ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ Google Assistant

 

การใช้งาน Google Assistant

  1. สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต: คุณสามารถเปิด Google Assistant โดยการกดปุ่ม Home ค้างไว้ หรือพูดว่า “Hey Google” หรือ “OK Google” (ในบางรุ่นอาจต้องตั้งค่าให้รองรับคำสั่งเสียง)
  2. ลำโพงอัจฉริยะ: เช่น Google Home หรือ Nest Hub สามารถพูดว่า “Hey Google” หรือ “OK Google” เพื่อเริ่มต้นการใช้งาน
  3. อุปกรณ์สวมใส่: บนสมาร์ทวอทช์ที่รองรับ Wear OS ของ Google
  4. รถยนต์: ผ่าน Android Auto ที่ติดตั้งในรถยนต์รุ่นที่รองรับ

 

ประโยชน์ของ Google Assistant

  1. การตอบคำถาม: สามารถตอบคำถามทั่วไป เช่น สภาพอากาศ ข่าวสาร และข้อสงสัยทางวิชาการ
  2. การจัดการงานประจำวัน: เช่น การตั้งเตือน การจดบันทึกในปฏิทิน การเตือนความจำ และการส่งข้อความ
  3. การควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ: สามารถควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น หลอดไฟ ล็อคประตู และระบบควบคุมอุณหภูมิ
  4. การบันเทิง: เล่นเพลง วิทยุ พ็อดแคสต์ และดูวิดีโอบน YouTube
  5. การนำทาง: ให้ข้อมูลการเดินทางและเส้นทางผ่าน Google Maps
  6. การแปลภาษา: สามารถแปลภาษาต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์

 

 ข้อเสียของ Google Assistant

  1. ความเป็นส่วนตัว: การใช้งานต้องมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบางคนอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
  2. การพึ่งพาอินเทอร์เน็ต: การทำงานของ Google Assistant ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากไม่มีอินเทอร์เน็ตจะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
  3. ข้อจำกัดในบางภาษา: บางภาษาหรือสำเนียงอาจยังไม่รองรับอย่างเต็มที่ หรืออาจมีข้อผิดพลาดในการรับรู้คำสั่งเสียง
  4. การเข้าใจบริบท: บางครั้ง Google Assistant อาจไม่สามารถเข้าใจบริบทหรือคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า Google Assistant นั้นมีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมากเพราะสามารถอำนวยความสะดวกในหลายๆด้าน

ดังนั้นหากใครที่ยังไม่เคยใช้บริการ Google Assistant แนะนำว่าคุณลองจะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน Google Assistant และลองเข้าไปใช้งานดูรับรองว่าการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันหรือในสังคมปัจจุบันนี้ของคุณจะใช้ชีวิตได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

เลือกซื้อประกันภัยคุ้มครองบ้านที่จะช่วยให้คุณคุ้มค่าที่สุด

แนวทางในการเลือกซื้อประกันภัยคุ้มครองบ้านที่จะช่วยให้คุณคุ้มค่าที่สุด วิธีสำหรับการเลือกซื้อประกันภัยประเภทคุ้มครองบ้านที่ดี

เจ้าของบ้านหรือผู้บริโภคควรจะมีความรู้ความเข้าใจถึงเนื้อหาลักษณะบ้านของคุณให้ดี รวมทั้งความคุ้มครองปกป้องบ้านที่อยากได้

เพื่อตอบปัญหากับการพำนักของสมาชิกในครอบครัวให้ได้มากที่สุด เนื่องจากแผนรับรองบ้านแต่ละแบบ

แม้ว่าจะมีความคุ้มครองปกป้องที่ใกล้เคียงกัน แต่ว่าคุณก็สามารถเลือกเบี้ย และทุนที่จะได้รับให้เหมาะสมกับบ้านของคุณได้ โดยไม่จำเป็นจำเป็นต้องจ่ายเบี้ยแพงเสมอ

1.ประกันภัยบ้านปกป้องความเสื่อมโทรมจากสิ่งใด

เพราะอะไรบ้าง ปริศนายอดนิยมของผู้ที่กำลังจะซื้อประกันให้กับบ้าน ปกติประกันภัยที่พักอาศัย จะป้องกันภัยหลัก ๆ  อาทิเช่น ภัยจากไฟเผา ภัยจากฟ้าผ่า ระเบิด ยานพาหนะ ภัยจากอากาศยานและก็ภัยเหตุเพราะน้ำ

ไม่รวมอุทกภัย น้ำซึมจากโครงสร้างรองรับหรือท่อน้ำประปาแตกนอกตึก หรือถ้าหากให้ปกป้องมากยิ่งกว่านี้ ก็สามารถซื้อรับรองเพิ่มได้ ดังเช่น ภัยพินาศ (อุทกภัย,ลมพายุ,แผ่นดินไหว) ฯลฯ

โดยเหตุนี้ลำดับแรก คุณจำเป็นต้องตรวจสอบการเสี่ยงของบ้านแล้วก็พื้นที่ใกล้เคียงของคุณให้ดี ว่าบ้านของคุณอาจพบกับภัยประเภทใดอย่างไรได้บ้าง

 

2.ก่อนเลือกซื้อจำต้องรู้เรื่องข้องดเว้นความป้องกันการทำประกัน

โดยประกันบ้านส่วนมากจะให้ความคุ้มครองป้องกันบ้านทุกจำพวก นอกจาก บ้านไม้ทั้งหมด ซึ่งแบบแผนรับรองส่วนมากจะเจาะจงไว้เด่นชัดว่า ไม่ป้องกันบ้านชนิดไหนบ้าง

รวมทั้งการไม่ป้องกันความเสื่อมโทรมอื่น ๆ เป็นต้นว่า ความเสื่อมโทรมจากภัยการรบ การกบฏ การเปลี่ยนแปลง ความทรุดโทรมจากการแผ่รังสี การแพร่กัมมันตภาพรังสี ความทรุดโทรมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า

แผ่นวงจรกระแสไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นจากไฟฟ้าลัดวงจร และก็ความเสื่อมโทรมจากการเผาทำลายของมีค่า โดยคำบัญชาแก่พนกงานบุคลากรผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

 

3.ประกันภัยคุ้มครองบ้าน จำต้องเลือกซื้อที่มีทุนคุ้มครองมากแค่ไหนถึงจะดีนะ

สำหรับทุนคุ้มครองบ้าน ปัจจุบันนี้ก็มีเริ่มตั้งแต่หนึ่งแสนบาท ถึงมากยิ่งกว่าห้าล้านบาท ดังนี้ก็ขึ้นกับขนาด – ลักษณะบ้าน รวมทั้งสินทรัพย์ข้างในบ้านหลังนั้น ๆ

ซึ่งการซื้อรับรองบ้านที่ดี คุณควรที่จะเลือกซื้อทุนรับรองให้ครอบคลุมกับราคาบ้านและก็เงินด้านใน และไม่ควรจะทำหรือเลือกที่ทุนเกินค่าบ้านรวมทั้งเงินทองในบ้าน เนื่องจากว่าบริษัทรับรองจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน ให้ตามความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นจริง

แต่ว่าไม่เกินค่าของเงินที่ได้ทำทุนคุ้มครองไว้ ซึ่งแน่ ๆ ว่าถ้าเกิดคุณเลือกทุนรับรองที่เหมาะสมกับบ้าน ราคาเบี้ยที่จะต้องจ่ายต่อปีก็จะถูกลง ซึ่งคุณสามารถจ่ายได้สบาย ๆ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย      เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

ดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างไร

 

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในปีนี้

นับถึงวันที่ 18 กรกฎาคม ค่ามาตรฐาน S&P 500 เพิ่มขึ้นเกือบ 19%1 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขพาดหัวดังกล่าวได้บดบังแนวโน้มพื้นฐาน ผลตอบแทนที่ดีส่วนใหญ่ของตลาดเกิดจากภาคส่วนหลักจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มุ่งเน้นเทคโนโลยี

ขอบเขตที่กว้างกว่ามากของตลาดประสบกับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจน้อยกว่า การฟื้นตัวของตลาดในปี 2566 ตาม “การปรับราคา” ที่สำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นในปี 2565

ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดหมีในปีที่แล้ว โดยลดลง 20% จากจุดสูงสุดเช่นเดียวกับที่เคยทำ ดัชนีตลาดหลักอื่นๆ ตลาดได้คืนพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยอมจำนน แต่ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อต้นปี 2565

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พยายามผ่อนคลายภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อผ่านการเคลื่อนไหว มาตรการเหล่านี้รวมถึงการเพิ่มอัตราเป้าหมายระยะสั้นของเงินกองทุนของรัฐบาลกลางจากใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์เป็น 5.00% เป็น 5.25% ภายในเดือนพฤษภาคม 2566

ขั้นตอนอื่นที่ดำเนินการโดยเฟดคือการลดการถือครองพันธบัตร ขจัดสภาพคล่องที่สำคัญออกจากตลาดตราสารหนี้

การเคลื่อนไหวของเฟดได้รับการออกแบบมาเพื่อชะลออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราเงินเฟ้อ

โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสำหรับผู้ลงทุนในตราสารทุนที่เคยชินกับสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ยืดเยื้อ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและสิ่งนี้มีความหมายต่อการลงทุนของคุณเองอย่างไร ท่าที “เงินง่าย” ก่อนหน้าของเฟด การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมของตลาดหุ้นมีความแตกต่างอย่างมาก

กับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยซึ่งย้อนกลับไปได้ตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินในปี 2552 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยต่ำและอัตราเงินเฟ้อปานกลางได้รับชัยชนะ ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว สินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงหุ้นจะได้รับผลประโยชน์

“นโยบายการเงินที่สนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในประเทศหรืออสังหาริมทรัพย์” Eric Freedman หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ U.S. Bank กล่าว ตลาดหุ้นมีกำไรที่น่าประทับใจถึง 18.40% ในปี 2020 และ 28.71% ในปี 2021

“ในขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เราสามารถคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงได้” – Eric Freedman หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน U.S. Bank Wealth and Institutional Asset Management เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ซึ่งวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ก็ทำได้ดีในช่วงเวลานี้เกือบทั้งหมด โดยมีอัตราการเติบโตในปี 2564 ที่ 5.9%

ซึ่งเป็นปีปฏิทินที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการเติบโตนับตั้งแต่ปี 2527 สำหรับส่วนที่ดีกว่าที่ผ่านมา สี่ทศวรรษ อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยยังคงค่อนข้างต่ำ แม้ว่าความผันผวนจะเป็นปัญหาเป็นระยะ แต่นี่เป็นผลดีต่อนักลงทุนในตราสารทุน จากนั้นเศรษฐกิจก็เปลี่ยนทิศทางไป

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ

เปิดเคล็ดลับเล่นเกมอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคร้าย

เนื่องจาก    คาสิโนดานัง    การเล่นเกม เป็นกิจกรรมที่หลายคนมองว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมาก

เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงได้ ช่วยบรรเทาความเครียด ช่วยเสริมสร้างทักษะทางสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้แก่เด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ดังนั้น เราจึงจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน เพศไหนก็ตามเริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการเล่นเกมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่า การที่เราเล่นเกมมาก ๆ นั้นก็ใช่ว่าจะเกิดประโยชน์ดี ๆ ต่อสุขภาพร่างกายของเราเสมอไป

ทั้งยังอาจทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเล่นเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายนั่นเอง

ฉะนั้น ขอบอกเลยว่า หากเราอยากที่จะเล่นเกมให้เกิดประโยชน์ ควรที่จะเล่นอย่างเหมาะสม และพอดี ไม่ควรหักโหม หรือเล่นมากจนเกินไป เพราะจยิ่งทำให้การใช้ชีวิตของเรา ได้รับผลกระทบนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลาย ๆ นในสมัยปัจจุบันนี้ชื่นชอบการเล่นเกมกันเป็นอย่างมา ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณนั้นเล่นเกมอย่างไรให้เกิดประโยชน์ และอยู่ห่างไกลจากโรคร้าย ไปดูกันเลย

  • การแบ่งเวลาให้เหมาะสม

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรานั้นสามารรถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการที่เราบ่งเวลาเล่นเกมให้มีความเหมาะสมมากที่สุด เช่น อาจจะเป็นการเล่นเกมวันละ 3 ชั่วโมง

หลังจากนั้นก็ออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อเป็นการพักสายตา พักสมองของเราจากการเล่นเกม เพื่อไม่ให้การเล่นเกมนั้นส่งผลกระทบ

หรือเพิ่มดอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายนั่นเอง รับรองได้เลยว่านอกจากจะทำให้เราเล่นเกมได้อย่างสนุกสนานแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายบางโรคได้อีกด้วย 

 

  • เรื่องอาหารไม่ควรมองข้าม

ไม่ว่าเราจะเล่นเกมหนักมากขนาดไหนก็ตาม รู้หรือไม่ว่าอาหารและโภชนาการเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม

เพราะหากเราเลือกทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคได้ ยิ่งถ้าใครเสพติดการเล่นเกม

และกลัวว่าตนเองจะได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย การที่เราหมั่นทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นประจำถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการลดการเกิดโรคร้ายได้ 

 

  • ควรรู้จักกับการพักผ่อน

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าร่างกายเริ่มที่จะทำงานผิดปกติ ควรที่จะรีบพักผ่อน เพราะการเล่นเกมเราจะต้องนั่งเป็นเวลนาน อาจจะทำให้อวัยวะบางประเภทภายในร่างกายของเราไม่ทำงานได้

รวมไปถึง อาจทำให้ร่างกายของเราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวจนอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้นั่นเอง