เป็นตุ่มที่อัณฑะและอาการคัน เพราะเหตุใด 

การพบตุ่มหรืออาการคันบริเวณอัณฑะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจเคยประสบ ซึ่งสามารถเกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย ตั้งแต่ปัญหาสุขอนามัย

การแพ้ หรือการติดเชื้อ ในบทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุที่พบบ่อย วิธีป้องกัน และแนวทางแก้ไขเพื่อความเข้าใจและการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

สาเหตุของตุ่มและอาการคันที่อัณฑะ

  1. การระคายเคืองจากผิวหนัง (Irritant Dermatitis)

   – เกิดจากการสัมผัสสารเคมี เช่น ผงซักฟอก สบู่ น้ำหอม หรือครีมบำรุงที่มีสารระคายเคือง

   – การเสียดสีจากกางเกงหรือชุดชั้นในที่แน่นเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการคันได้

 

  1. การติดเชื้อราที่ผิวหนัง (Fungal Infection)

   – รา เช่น Tinea cruris หรือที่เรียกว่า สังคัง มักเป็นสาเหตุของอาการคันบริเวณอวัยวะเพศและอัณฑะ

   – เกิดจากความอับชื้น เหงื่อสะสม หรือการไม่รักษาความสะอาดที่ดีพอ

 

  1. การติดเชื้อแบคทีเรีย

   – การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เช่น *Folliculitis* หรือการอักเสบของรูขุมขนอาจทำให้เกิดตุ่มแดงและอาการคัน

   – บางครั้งอาจพัฒนาเป็นฝีที่เต็มไปด้วยหนอง

 

  1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD)

   – โรคบางชนิด เช่น เริม (Genital Herpes) ซิฟิลิส หรือหูดหงอนไก่ อาจทำให้เกิดตุ่มบริเวณอัณฑะร่วมกับอาการคัน

   – การสัมผัสทางเพศที่ไม่ป้องกันเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

 

  1. อาการแพ้ (Allergic Reaction)

   – การแพ้วัสดุ เช่น ยางจากถุงยางอนามัย หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

   – การแพ้อาจทำให้เกิดผื่นแดง คัน และตุ่มเล็กๆ ที่ผิวหนัง

 

  1. โรคผิวหนังเรื้อรัง (Chronic Skin Conditions)

   – โรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) สามารถทำให้ผิวบริเวณอัณฑะเป็นตุ่มหรือคันได้

 

  1. การถูกแมลงกัดต่อย

   – การถูกยุงหรือหมัดกัดอาจทำให้เกิดตุ่มแดงและอาการคันชั่วคราว

การป้องกันและการดูแลตัวเอง

  1. รักษาความสะอาด

   – อาบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกาย

   – ใช้สบู่ที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอม

 

  1. หลีกเลี่ยงความอับชื้น

   – สวมใส่ชุดชั้นในที่ทำจากวัสดุระบายอากาศ เช่น ผ้าฝ้าย

   – หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่แน่นเกินไป

 

  1. หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง

   – ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีรุนแรงและเหมาะกับผิวบอบบาง

 

  1. ไม่เกา

   – การเกาอาจทำให้ผิวหนังเสียหายและเพิ่มโอกาสติดเชื้อ

 

  1. พบแพทย์

   – หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีตุ่มที่มีหนอง แผล หรืออาการคันรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

 

ตุ่มและอาการคันบริเวณอัณฑะอาจมีสาเหตุได้หลากหลาย การดูแลสุขอนามัย การหลีกเลี่ยงสารระคายเคือง และการสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือสงสัยว่าเป็นโรคที่ต้องการการดูแลเฉพาะทาง ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังโรงพยาบาลรัฐ