สาดน้ำไล่แมวกัดกัน ทำไฟไหม้บ้านทั้งหลัง

 

             ที่จังหวัดจันทบุรี  เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักของชาวบ้านซึ่งบ้านหลังดังกล่าวนั้นปลูกเอาไว้กลางสวนผลไม้โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เดือนกรกฎาคมปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุให้ไปช่วยดับไฟที่ตำบลคลองนารายณ์เมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังช่วยเหลือกันอย่างสุดความสามารถในการดับไฟต้องใช้ระยะเวลานานถึง 30 นาทีจึงสามารถดับไฟได้ทั้งหมดหลังจากตัดไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วพบว่าบ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างมาก

ข้าวของเครื่องใช้ที่นอนถูกเพลิงไหม้เขาเกือบทั้งหมดทางด้านเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัยในบ้านหลังดังกล่าวต่างก็พากันตกใจหวาดกลัวซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อหลานสาวเจ้าของบ้านได้เป็นคนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ใบบ้านกันนั้น ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นโดยพี่สาวของเธอได้วิ่งตะโกนบอกให้ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ไฟกำลังไหม้บ้าน

เมื่อทุกคนวิ่งมาตรงจุดที่พี่สาวอยู่ก็พบว่าไฟกำลังลุกลามไหม้อย่างรวดเร็วแต่ละคนก็พากันหวาดกลัวและวิ่งหนีตายออกจากบ้านพร้อมทั้งไปวิ่งขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันดับไฟและบางคนก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟให้ส่วนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้นั้นน่าจะเกิดมาจากการที่พี่สาวของเธอนั้นใช้น้ำสาดเข้าไปที่แมว

ซึ่งมีแมว 2 ตัวกำลังกัดกันอยู่พี่สาวของเธอจึงต้องการห้ามไม่ให้แมวกัดกันแต่ไม่รู้จะห้ามอย่างไรจึงได้ใช้น้ำสาดเข้าไปที่แมวทั้ง 2 ตัวแต่บังเอิญว่าบริเวณที่แมวทั้ง 2 ตัวนั้นอยู่อยู่ใกล้กับปลั๊กไฟน้ำมันกระเด็นเข้าไปในปลั๊กไฟแล้วก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นหลังจากนั้นไฟฟ้าก็เกิดช็อตและไม่โดยหญิงสาวยังเล่าว่าขณะนี้พี่สาวของเธอได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟไหม้นิดน้อยได้มีการนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว

อย่างไรก็ตามสภาพบ้านหลังจากที่ดับไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะเช่นเดียวกันซึ่งทางเจ้าของบ้านจะต้องมีการประเมินบ้านอีกครั้งหนึ่งว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณเท่าไหร่และโชคดีอย่างมากที่บ้านหลังเก่านั้นอยู่ห่างไกลจากบ้านหลังอื่นๆไปจึงไม่ได้ลุกลามไม่ไปที่บ้านหลังอื่นนั่นเอง

             เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ากรณีที่มีน้ำกระเด็นเข้าไปไฟจะทำให้ไฟฟ้าช็อตและเกิดระเบิดได้ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหนึ่งในร้อยเลยก็ว่าได้และโชคยังดีมากที่ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นสิ่งเตือนใจและเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายๆคนให้มีการระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ปลั๊กไฟเพราะอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ไฟไหม้บ้านได้

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    bk8

หญิงสาวร้องเรียนชาญทัวร์

หญิงสาวร้องเรียนชาญทัวร์ เนื่องจากมีการขายตั๋วในราคาเพิ่มเป็นสองเท่า

 มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการโพสต์ Facebook ร้องเรียนรถทัวร์บริษัทหนึ่งที่ชื่อว่าชาญทัวร์โดยเธอโพสต์ร้องเรียนขึ้นเมื่อวันที่ 6 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 ข้อความที่เธอได้มีการโพสต์ลงใน Facebook ของเธอนั้นระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของการซื้อที่นั่งบนรถทัวร์โดยเธอล่ะว่าแม่ของเธอนั้นจะมีการเดินทางจากบ้านที่ขอนแก่นเพื่อไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปลงอำเภอหัวหินเมื่อไปทำการซื้อตั๋วรถทัวร์เจ้าหน้าที่ขายตั๋วได้มีการขายให้ในราคา 1,300 บาทซึ่งปกติแล้วค่ารถทัวร์จากขอนแก่นไปหัวหินนั้น

เป็นเพียงแค่ 700 บาท ถึง 800 บาทเท่านั้นแต่ทางพนักงานระบุว่าที่ราคาตั๋วแพงเป็น 2 เท่าเนื่องจากว่าทางรถทัวร์นั้นจะต้องมีการปรับที่นั่งให้ผู้โดยสารนั้นนั่งเว้นระยะห่างกันดังนั้นจึงต้องมีการเพิ่มค่าที่นั่งซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงที่ผู้โดยสารจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาโดยทางชาญทัวร์บอกว่าเป็นการทำตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้มีการระบุและประกาศเอาไว้

ซึ่งแม่ของเธอนั้นก็ยอมซื้อตั๋วรถทัวร์ในราคาที่แพงแต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นไปบนรถทัวร์ปรากฏว่าไม่มีการเว้นที่นั่งห่างกันเหมือนกับที่ทางพนักงานขายตั๋วบอกซึ่งแม่ของเธอยังได้ถ่ายรูปที่นั่งบนรถทัวร์ให้เห็นว่าทุกคนนั้นนั่งติดกันและนั่งเต็มไปหมดทั้งคันรถทำให้เธอรู้สึกว่าพนักงานขายตั๋วของชาญพอนั้นขายของติงและราคาก็แพงอย่างมาก

โดยเธอมองว่าตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นก็ไม่ดีเงินก็หายากแล้วยังต้องมาเจอผู้ประกอบการโกงแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บใจมากและเธอต้องการร้องเรียนบริษัทชาญทัวร์และเธออยากรู้ว่าเธอจะสามารถเอาผิดกับบริษัททานตัวอย่างไรได้บ้างเธอจึงได้มีการโพสต์เรื่องราวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเพื่อหวังว่าให้คนในโลกออนไลน์

มาแสดงความคิดเห็นและแนะนำเธอว่าเธอควรจะทำขั้นตอนต่อไปอย่างไรดีอย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องราวนี้มีการแชร์ออกไปผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากและที่สำคัญเรื่องราวนี้ถูกแชร์ไปจนถึงกรมการขนส่งทางบกจังหวัดขอนแก่นซึ่งได้มีการติดต่อไปที่เจ้าของบริษัทชาญทัวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยให้บริษัทชาญทัวร์นั้นอธิบายเป็นเรื่องราว

ที่เกิดขึ้นและได้มีการเรียกเก็บค่าปรับในข้อหาทำผิดกฎหมายเพราะเรียกเก็บค่าโดยสารเกินที่ทางกฎหมายกำหนดเอาไว้ สำหรับการเรียกเก็บค่าบริการสูงเกินจริงนี้ไม่ใช่มีแค่ การซื้อตั๋วรถทัวร์อย่างเดียว ตอนนี้ประชาชนเริ่มพบว่าผู้ประกอบการหลายรายเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มหลายบริษัทแล้ว ทำให้ตอนนี้ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนกันมาก

 

สนับสนุนโดย  bk8

ชายหนุ่มคว้ามีดตัดจู๋ตัวเอง เพราะคิดว่าข้างในมีพยาธิ

  ช่างรับเหมาก่อสร้างเกิดอาการคุ้มคลั่งใช้มีดเฉือนจู๋ตัวเอง จนเลือดออกจนต้องใช้มือกลับเอาไว้พร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและตะโกนเสียงดังโวยวายอีกทั้งยังบอกว่าข้างในจู๋นั้นมีพยาธิ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนปี พ.ศ.2563 ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่มมีชาวบ้านได้แจ้งให้กู้ภัยมาช่วยดูผู้ชายคนหนึ่ง

เขากำลังร้องไห้คนครางเนื่องจากว่าเขาใช้มีดนั้นเฉือนจู๋ตัวเองด้านกู้ภัยเมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่ามีชายหนุ่มอายุน่าจะประมาณ 37 ปีต่อมาทราบชื่อว่านายศราวุธโดยนายศราวุธนั้นมีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้างตอนที่กู้ภัยเดินทางไปถึงพบว่านายศราวุธนั้นนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่พร้อมกับร้องครวญครางและโวยวายที่มือนั้นมีเลือดไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย

เส้นทางกู้ภัยเองก็ได้มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อเป็นการห้ามเลือดและได้มีการส่งตัวผู้บาดเจ็บนั้นไปยังโรงพยาบาลศรีมหาโพธิเป็นที่เรียบร้อยจากการสอบถามเบื้องต้นนั้นมีหญิงสาวที่ชื่อว่านางสาวสุภาวดีเป็นคนแจ้งรายละเอียดไปกู้ภัยทราบว่านายสราวุธนั้นได้เอามีดมาเฉือนจู๋ของตัวเองแม่บอกว่าต้องเอาพยาธิออกจากจู๋ 

ซึ่งนายศราวุธนั้นได้ใช้มีดคัตเตอร์กรีดไปที่กระจู๋   ซึ่งจากที่ดูแล้วบาดแผลลึกมากอย่างไรก็ตามตอนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางไปถึงใหม่ๆนั้นพยายามที่จะขอทำแผลให้กับนายสราวุธแต่ถูกนายศราวุธปฏิเสธเลยบอกว่าแต่ต้องเอาพยาธิออกก่อนถึงจะสามารถทำแผลได้ซึ่งนอกจากจะมีอาการเลือดไหลออกตรงกระจู๋แล้วนายสราวุธยังมีอาการเหมือนคนพูดจาไม่รู้เรื่องและมีเหงื่อออกอย่างมาก

ทั้งที่เมื่อจับตัวแล้วก็พบว่าตัวของนายศราวุธน้ำเย็นอย่างไรก็ตามมีเพื่อนของนายศราวุธคนหนึ่งชื่อว่านายธวัชชัยบอกว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ใดชาวพุทธนั้นใช้มีดกรีดกระจกตัวเองนั้นตอนนั้นเขากับนายสราวุธกำลังกินเหล้ากันอยู่กินไปได้สักพักหนึ่งนายธวัชชัยก็ขอตัวกลับห้องซึ่งเดินเข้าไปถึงห้องได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงนายสราวุธนั้นร้องไห้โหยหวนโวยวายเสียงดัง

และเมื่อวิ่งไปดูก็พบว่ามีเลือดออกที่บริเวณมือของนายศราวุธซึ่งตอนแรกนั้นตนเองยังคิดว่านายศราวุธโดนมีดบาดมือ แต่หลังจากนั้นเมื่อพยายามเพ่งดูดีๆก็พบว่าพี่ก็โทรของนายศราวุธก็มีเลือดด้วยจึงได้โทรตามอาสากู้ภัยมาช่วยทำแผลให้กับนายสราวุธเพราะเกรงว่าจะมีอาการเลือดออกมากจนเกิดอันตรายได้

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8

การทำอนาจารเด็กบนโรงพัก

ตำรวจยอมรับแล้ว เรื่องการทำอนาจารเด็กบนโรงพัก อ้างทำไปเพราะเมา

                   จากกรณีที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องเด็กสาววัย 14 ปีและ 16 ปี 2 คนพี่น้องถูกจับให้เสียค่าปรับเรื่องไม่ใส่หมวกกันน็อคโดยต้องมาเสียค่าปรับที่โรงพักซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงที่สถานีตำรวจนั้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่คนเดียวเนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันหยุดเด็กหญิงทั้งสองคนจึงได้ขึ้นไปบนโรงพักและสอบถามถึงวิธีการเสียค่าปรับโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่า

วันนี้เป็นวันหยุดไม่สามารถเสียค่าปรับได้แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวก็เดินมาโอบเอวหญิงสาววัย 16 ปีและ 14 ปีพร้อมทั้งบอกว่าจะพาขึ้นไปข้างบนเพื่อจ่ายค่าปรับเมื่อเด็กหญิงทั้งสองคนเดินตามขึ้นไปตำรวจคนดังกล่าวได้พาไปในห้องพักของตำรวจแล้วทำการลวนลามด้วยการขอจับหน้าอกและอวัยวะเพศของเด็กหญิงทั้งสองคนสร้างความตกใจให้กับเด็กหญิงทั้งสองคนเป็นอย่างมากโดยเธอทั้งสองคนช่วยกันผลักนายตำรวจคนนั้นออกและวิ่งหนีออกมาได้

หลังจากนั้นจึงได้ไปฟ้องยายซึ่งเป็นเหตุให้ยายพาหลานสาวทั้งสองคนมาแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งหลังจากที่มีการแจ้งความจนเป็นข่าวโด่งดังใหญ่โตแล้วทางด้านผู้คับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในนั้นได้มีการรับเรื่องไว้เพื่อมีการตรวจสอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุดังกล่าว

ก็ออกมายอมรับสารภาพเรียบร้อยแล้วว่าเป็นผู้ลงมือกระทำอนาจารเด็กสาวทั้งสองคนจริงๆเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำแต่ทำไปเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เนื่องจากตอนนั้นมีอาการเมาสุราและทำไปโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอโทษเด็กสาวทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วส่วนเด็กสาวทั้งสองคนนั้นตอนนี้ก็สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้วและทางด้านยาของเด็กสาวทั้งสองคนรวมถึงทั้งตัวเด็กสาวเองนั้นก็ได้มีการออกมาบอกว่าหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือว่าตนเองทำผิดและมาขอโทษก็พร้อมที่จะให้อภัยส่วนเรื่องของการดำเนินคดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะมีการส่งความผิดกันยังไง

และมีกระบวนการภายในกันยังไงโดยที่ทางย่าและเด็กสาวทั้งสองคนจะไม่ได้มาเรียกร้องอะไรกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุอีกเบื้องต้นที่มีข่าวออกมาในครั้งแรกนั้นได้มีคำสั่งให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุดังกล่าวออกนอกพื้นที่ก่อนเพื่อเป็นการให้ความเป็นธรรมกับเด็กสาวทั้งสองคนและป้องกันการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นข่มขู่

ซึ่งภายหลังจากที่มีการรับเรื่องไว้ก็มีการตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดต่างๆที่มีการปิดไว้ในโรงพักจึงทำให้มีพยานหลักฐานที่แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวกระทำความผิดจริง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

สามีโกรธครอบครัวอดีตเมียห้ามไม่ให้เจอลูก

สามีโกรธครอบครัวอดีตเมียห้ามไม่ให้เจอลูกบุกสังหารยกครัวตายทั้งหมด 4 ศพ

     ที่จังหวัดกาญจนบุรีช่วงกลางดึกคืนหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีครอบครัวหนึ่งถูกคนร้ายบุกเข้ามายิงจนเสียชีวิต  โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 4 คนซึ่งในครั้งแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้เสียชีวิตเป็นชายแก่และหญิงแก่ซึ่งทราบว่าเป็นพ่อแม่และเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุโดยบุคคลที่เล่าเรื่องราวให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังก็คืออดีตเมียของคนร้ายซึ่งเธอได้เล่าว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุนั้นเคยเป็นสามีของเธอมาก่อนแต่มีเรื่องผิดใจกันจึงเลิกลากันไปซึ่งเธอและผู้ก่อเหตุมีลูกด้วยกันอยู่ 2 คน

อยู่ในช่วงที่เกิดเหตุนั้นเธอได้นอนอยู่กับลูกสาวคนโตส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นไปนอนกับปู่และย่าคนร้ายด้วยอาศัยจังหวะกลางดึกปีนขึ้นมาในห้องนอนของเธอและนำปืนมาขู่จะยิงเธอโดยมีช่วงหนึ่งที่คนร้ายเผลอเธอและลูกชิ้นวิ่งหนีออกไปให้ห้องข้างๆซึ่งเป็นห้องของน้องชายช่วยเหลือและล็อคประตูไม่ให้คนร้ายเข้าไปทำร้ายได้แต่ในระหว่างนั้นเองพ่อกับแม่ของเธอได้ออกมาดูเหตุการณ์พอได้ยินเสียงดังโครมครามรวมถึงลูกสาวคนเล็กที่ออกมาพร้อมกับปู่และย่าเมื่อก่อนหลายได้เห็นพ่อแม่ของเธอก็กระหน่ำยิงไปที่พ่อและแม่ของเธอจนถึงแก่ความตาย

เพราะคนร้ายมีความรู้สึกโกรธเคืองในตัวพ่อแม่ของเธอเป็นคนเดิมอยู่แล้วโดยเขาชื่อว่าพ่อกับแม่ของเธอกีดกันไม่ให้คนร้ายได้เจอหน้าลูกทั้งสองคนซึ่งมีกระสุน 1 ไปโดนลูกสาวคนเล็กของเธอด้วยและระหว่างที่คนร้ายยิงปู่กับย่าเสียชีวิตแล้วเขาก็ได้อุ้มลูกสาวออกไปจากสถานที่เกิดเหตุซึ่งตอนนี้คนในบ้านไม่รู้ว่าคนร้ายหนีไปทางไหนหลังจากทราบเรื่องราวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกเดินตามหาบริเวณรอบๆบ้านที่เกิดเหตุจนเดินมาพบรอยเลือดอยู่ทางด้านหลังบ้านหยุดตรงไปทางยุ้งข้าวซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทันทำอะไรก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลังจากเสียงปืนดังไปแล้ว

ก็ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกเลยทั้งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปยามเรียกจะมีการพังประตูเข้าไปจึงพบว่าคนร้ายได้ ยิงตนเองเสียชีวิตและลูกสาวคนเล็กที่คนร้ายอุ้มมาด้วยนั้นก็เสียชีวิตด้วยซึ่งทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าระหว่างที่คนร้ายอุ้มตัวลูกสาวออกมานั้นน่าจะรู้ว่าลูกโดนยิงด้วยแต่ด้วยความเป็นเด็กจึงทนพิษบาดแผลไม่ไหว

และเสียชีวิตทำให้ผู้เป็นพ่อเสียใจที่เธอไปทำร้ายโดยที่ไม่ตั้งใจจนลูกถึงแก่ความตายดังนั้นผู้เป็นพ่อจึงทำการปลดชีวิตตนเองแต่ตามลูกไปเพราะจากการให้ปากคำของอดีตเมียของคนร้ายให้การว่าคนร้ายรักลูกสาวคนเล็กมากถึงขนาดแอบไปหาลูกสาวที่โรงเรียนอยู่บ่อยๆและคนร้ายมีการฝังใจว่าที่ครอบครัวไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะพ่อแม่ของเมียกีดกันจึงทำให้คนร้ายเกิดความเครียดและมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8