สาดน้ำไล่แมวกัดกัน ทำไฟไหม้บ้านทั้งหลัง

 

             ที่จังหวัดจันทบุรี  เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักของชาวบ้านซึ่งบ้านหลังดังกล่าวนั้นปลูกเอาไว้กลางสวนผลไม้โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เดือนกรกฎาคมปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุให้ไปช่วยดับไฟที่ตำบลคลองนารายณ์เมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังช่วยเหลือกันอย่างสุดความสามารถในการดับไฟต้องใช้ระยะเวลานานถึง 30 นาทีจึงสามารถดับไฟได้ทั้งหมดหลังจากตัดไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วพบว่าบ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างมาก

ข้าวของเครื่องใช้ที่นอนถูกเพลิงไหม้เขาเกือบทั้งหมดทางด้านเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัยในบ้านหลังดังกล่าวต่างก็พากันตกใจหวาดกลัวซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อหลานสาวเจ้าของบ้านได้เป็นคนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ใบบ้านกันนั้น ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นโดยพี่สาวของเธอได้วิ่งตะโกนบอกให้ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ไฟกำลังไหม้บ้าน

เมื่อทุกคนวิ่งมาตรงจุดที่พี่สาวอยู่ก็พบว่าไฟกำลังลุกลามไหม้อย่างรวดเร็วแต่ละคนก็พากันหวาดกลัวและวิ่งหนีตายออกจากบ้านพร้อมทั้งไปวิ่งขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันดับไฟและบางคนก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟให้ส่วนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้นั้นน่าจะเกิดมาจากการที่พี่สาวของเธอนั้นใช้น้ำสาดเข้าไปที่แมว

ซึ่งมีแมว 2 ตัวกำลังกัดกันอยู่พี่สาวของเธอจึงต้องการห้ามไม่ให้แมวกัดกันแต่ไม่รู้จะห้ามอย่างไรจึงได้ใช้น้ำสาดเข้าไปที่แมวทั้ง 2 ตัวแต่บังเอิญว่าบริเวณที่แมวทั้ง 2 ตัวนั้นอยู่อยู่ใกล้กับปลั๊กไฟน้ำมันกระเด็นเข้าไปในปลั๊กไฟแล้วก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นหลังจากนั้นไฟฟ้าก็เกิดช็อตและไม่โดยหญิงสาวยังเล่าว่าขณะนี้พี่สาวของเธอได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟไหม้นิดน้อยได้มีการนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว

อย่างไรก็ตามสภาพบ้านหลังจากที่ดับไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะเช่นเดียวกันซึ่งทางเจ้าของบ้านจะต้องมีการประเมินบ้านอีกครั้งหนึ่งว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณเท่าไหร่และโชคดีอย่างมากที่บ้านหลังเก่านั้นอยู่ห่างไกลจากบ้านหลังอื่นๆไปจึงไม่ได้ลุกลามไม่ไปที่บ้านหลังอื่นนั่นเอง

             เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ากรณีที่มีน้ำกระเด็นเข้าไปไฟจะทำให้ไฟฟ้าช็อตและเกิดระเบิดได้ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหนึ่งในร้อยเลยก็ว่าได้และโชคยังดีมากที่ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นสิ่งเตือนใจและเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายๆคนให้มีการระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ปลั๊กไฟเพราะอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ไฟไหม้บ้านได้

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    bk8

นายกยืนยันว่าจะไม่ลาออกพร้อมตัดพ้อว่าผมผิดอะไร

สถานการณืทางการเมืองเรื่องของการชุมนุมก็ได้ออกข่าวหน้าหนึ่งไปแล้วเป็นเหตุการณืที่ผ่านมาบริเวณแยกปทุมวันก็ได้มีการเข้าไปกระชับพื้นที่ที่มีการฉีดน้ำแรงดันสูงจากฝั่งของเจ้าหน้าที่เข้าใส่ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้น

ซึ่งเราก็ได้เห็นการถ่านทอดสดผ่านสื่อหลายๆสื่อกันไปแล้วที่ให้ประชาชนทุกคนได้เห็นสาเหตุการณ์ไปพร้อมๆกันและก็ยังมีเรื่องของนายกรัฐมนตรีพร้อมกับคณะรัฐมนตรีในการออกมาแถลงเรื่องของการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครประยุทธ์ได้บอกว่าผมผิดอะไร 

โดยได้มีสื่อมวลชนถามนายกว่าจะออกหรือไม่ก็ตอบแบบสั้นๆ ไม่ออก แล้วก็ถามกลับว่าผมผิดอะไร เพราะว่านี่คือ3ข้อเรียกร้องของผู้ที่เรียกร้องเคลื่อนไหวออกมาชุมนุมในตอนนี้

เมื่อวานนี้ก็อยางที่ได้เห็นกันนายกรัฐมนตรีรองนายกรัฐมนตรีแล้วก็คณะรัฐมนตรีคนสำคัญที่คนส่วนใหญ่ก็เป็นแกนนำของพรรคต่างๆพรรคร่วมรัฐบาลได้มาคุม ครม. นัดพิเศษเพราะว่าการประชุม ครม.นัดพิเศษเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้มีการประกาศสถานการณืฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครได้บังคังใช้ตั้งแต่วันที่15ตุลาคม2563เวลา4นาฬิกาจากเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณรอบธรรมเนียบรัฐบาล

นอกจากนี้จะต้องผ่านขั้นตอนในการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีซึ่งเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีก็ได้ออกมาแถลงข่าวหลังจากที่มีการประชุมกันเสร็จที่ใช้เวลาประชุมไม่นานนัก

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงสถานการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นนักข่าวถามว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะสามารถทำหน้าที่ในการควบคุมเหตุการณ์บ้ามเมืองได้อย่างไรต่อไปท่านมีความมั่นใจหรือไม่นายกรัฐมนตรีได้บอกว่ามันก็ต้องขึ้นอยู่กับทุกคนและก็หลายอย่างได้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่สถานการณ์ปกติทุกคนน่าจะรู้ดี

ในฐานะนายกรับมนตรีคงจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เพราะจะต้องคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศแต่ก็แสดงความเป็นห่วงนักศึกษาผู้บริสุทธิ์โดยบอกว่าขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานของท่านแล้วก็ได้ฝากถึงผู้ปกครองเอาไว้ในเรื่องนี้

เพราะฉะนั้นแล้วในส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ให้นายประยุทธ์ให้ลาออกจากตำแหน่งนั้นก็ได้มีสื่อถามเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนายกข้อเรียกร้องตรงนี้ทำยังไงแล้วก็ยังมีคำถามจากหลายสื่อหลายคำถามว่าท่านจะมีการประกาศคลี่คลายหรือเปล่าถ้าสถานการณ์มันร้ายแรงขึ้นประยุทธ์บอกว่ามันก็เป็นไปตามขั้นตอน

เนื่องจากนี้การปฏิวัติรัฐบประหารหรือเปล่าก็ได้ใช้เวลาถาม

และแถลงข่าวไปประมาณ13นาทีส่วนเรื่องของการควบคุมตัวผู้ต้องหาจากการชุมนุมตั้งแต่วันที่13ถึง15ตุลาคมนี่ยังไม่หมายรวมการชุมนุมของเมื่อคืนนี้16ตุลาคมคือตอนนี้เราจะต้องแบ่งกลุ่มของบุคคลที่ชุมนุมและถูกควบคุมตัวเป็นสี่กลุ่มใหญ่ๆ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  คาสิโนสด บาคาร่า

เพนกวินบุกเมืองลพบุรีแสดงจุดยืนประชาธิปไตย

เมื่อเวลา17.55นาทีกลุ่มทหารเอกพระนารายณ์ที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ10กว่าคนได้ตั้งแถวร้องเพลงชาติแล้วใช้โทรโข่งประกาศว่าเชิญน้องๆตามสบายกูกลับล่ะ

หลังจากนั้นนักศึกษาก็ได้ทำตามจุดประสงค์ตามที่ตั้งเอาไว้โดยมีผู้รับฟังประมาณ300คน “ เชิญน้องๆตามสบายกูกลับล่ะ “ (มาแสดงเรียบร้อยกลับไปเบิกเงินได้แล้ว)เรื่องราวดังกล่าวได้บอกว่านายเพนกวินได้เชิญชวนพี่น้องลพบุรีให้ไปร่วมชุมนุมใหญ่19กันยายน ที่มหาลัยธรรมศาสตร์

เมื่อเวลา16.30นาที วันที่13กันยายน ที่บริเวณวงเวียน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชใกล้กับศาลากลางจัวหวัดลพบุรี 16.30นาทีที่13กันยายน ที่บริเวณวงเวียน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชผู็สื่อข่าวได้มีรายงานว่ามีกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาได้ใช้ชื่อว่ากลุ่มพลเมืองลพบุรีประชาธิปไตยไม่ก้มหัวให้เผด็จการประกอบไปด้วยนักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ลพบุรีและมัธยมศึกษาได้รวมตัวแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาล พร้อมเรียกร้อง สามข้อคือ เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่และหยุดคุกคามประชาชน

นอกจากนี้ก็ได้มีแกนนำของกลุ่มต่อต้านเผด็จการได้เดินทางมาสมทบและได้ทำการขึ้นปราศรัยทั้ง แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ หรือ นายไชยอมร นายสมยศ นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน 

ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าขณะเดียวกันมีกลุ่มลพบุรีอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ10คนได้เดินทางมาคัดค้านการจัดกิจกรรมบริเวณดังกล่าวโดยได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลพบุรีเข้าระงับเหตุเพื่อป้องกันการปะทะกันของทั้งสองกลุ่มท่ามกลางของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลนักศึกษาที่ทยอยเข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง

โดยนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ได้กล่าวว่า วันนี้รูสึกดีมากที่ได้มาพบกับพี่น้องชาวลพบุรีซึ่งเมือลพบุรีได้เป็นเมืองทหารจะมาย้ำว่าทหารสมควรที่จะอยู่เคียงข้างประชาชนจัดชุมนุมอย่างสนติวิธีไม่มีอาวุธและมาเชิญชวนพี่น้องประชาชนเมืองพลบุรีให้ได้รวมตัวกันในวันที่19กันยายน 

ซึ่งจะมีงานใหญ่ที่มหาวิทยาลัยที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ตั้งแต่เวลา14.00น.ในวันดังกล่าวโดยยังยืนยันกิจกรรมเหมือนเดิมไม่มีความรุนแรงอย่างแน่นอนเพราะฝ่ายเราไม่มีอาวุธถ้าจะมีความรุนแรงก็จะมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวเรามีแผนด้านรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วขอให้ไว้วางใจนี่ก็เป็นเรื่องราวที่ได้มีการนำมาเสนอ

สำหรับในลายละเอียดในการปราศรัยของเพนกวินเราไปดูกัน “ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวลพบุรีที่ได้ทำการต้านรับผมอย่างอบอุ่นเวทีนี้อบอุ่น แม้ว่าจะมีกลุ่มคนในบางกลุ่มที่ได้เข้ามาป่วนเราในตอนแรกแต่ก็ไม่เป็นไรแต่ผมก็นับถือใจอย่างย้อยก็ถือว่ายังกล้ามาวันนี้เมืองลพบุรีเป็นเมืองทหารเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาพูดเรื่องประชาธิปไตยกลางดงทหารผมไม่ใช่คนลพบุรีแต่ผมมาครั้งแรกผมเข้าใจว่าทั้งสี่ทิศเป็นค่ายทหารทั้งหมดเลยถ้าเสียงของผมดังไปถึงที่โรงนอนก็ขอให้นอนรับฟังไปด้วย ท่านจะได้ไม่ต้องไปทำรัฐประหารอีก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  betbbthai

อังกฤษรับสมัครหาหนูทดลองยาแก้ไวรัสโควิด-19

              มีประกาศออกมาจากนักวิทยาศาสตร์ในเมืองลอนดอนประเทศอังกฤษว่า มีการขอเปิดรับที่จะมารับเชื้อไวรัสเข้าร่างกายและจะนำไปทดสอบกับตัวยาที่กำลังผลิตออกมาเพื่อเป็นการทำวัคซีนในการฆ่าเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 โดยการันตีว่าจะจ่ายเงินให้อย่างงามในการมาเป็นหนูทดลองในครั้งนี้ โดยจะจ่ายให้คนละหนึ่งแสนสี่หมื่นสามพันบาท 

ซึ่งข้อมูลนี้ได้มีการเผยแพร่ออกมาจากทางศูนย์วิจัย Queen Mary BioEnterprises Innovation Centre  ถึงการที่จะมีการเปิดรับสมัครคนที่จะมาอาสาเป็นผู้ที่ติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19  เพื่อที่นักวิทยาศาสตร์จะได้ทำการทดลองเพื่อหาวัคซีนที่จะนำมาต้านไวรัสชนิดนี้ให้ได้ โดยมีการระบุออกมาจากทาง ศูนย์วิจัย Queen Mary BioEnterprises Innovation Centre ว่าจำนวนคนที่ติดเชื้อไวรัสที่ทางศูนย์วิจัย Queen Mary BioEnterprises Innovation Centre  ต้องการนั้นเป็นจำนวน ทั้งสิ้น  24 คน

และแต่ละคนจะได้รับเงินตอบแทนจากการเสียสละตัวเองในครั้งนี้คนละ สามพันห้าร้อยปอนด์ หรือถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ราวราว หนึ่งแสนสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบบาทไทย  โดยทางศูนย์วิจัย Queen Mary BioEnterprises Innovation Centre ได้ออกมาบอกขั้นตอนการทำงานว่าอาสาสมัครทั้งหมด 24 คนจะต้องถูกฉีดเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายทั้งหมด 2 ชนิดก็คือ 0C43 และ 229E ซึ่งเชื้อไวรัสทั้งสองชนิดจะทำให้ร่างกายของคนที่ถูกฉีดเชื้อเข้าไปอ่อนแรงลง หลังจากนั้นอาสาสมัครทั้งหมดจะได้รับการฉีดวัคซีนที่เป็นยาต้านเข้าไปให้

แล้วหลังจากนั้นก็จะมีการสังเกตอาการ เพื่อดูว่าวัคซีนที่ฉีดเข้าไปให้นั้นได้ผลดีหรือไม่ สามารถกำจัดเชื้อไวรัสโควิด -19 ได้หรือเปล่า โดยอาสาสมัครทั้ง 24 คนจะถูกจับให้แยกกันเพื่อเฝ้าดูอาการของแต่ละคนเป็นเวลาทั้งสิ้น  14 วัน  โดยในระหว่างที่ทั้ง 24 คนเข้ารับการทดลองในครั้งนี้มีกฎว่าห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด

ไม่ยกเว้นแม้แต่ญาติญาติของพวกเขาเหล่านั้น การใช้ชีวิตในแต่ละวันจะต้องปฏิบัติตามที่ทางศูนย์วิจัยกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่กิน หรือการจะทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่จะต้องได้รับการอนุญาตจากทางศูนย์วิจัยก่อนเท่านั้น  ซึ่งวัคซีนที่กำลังทดลองกันในครั้งนี้ถูกผลิตและพัฒนามาจากบริษัท Hvivo 

การทดลองในครั้งนี้ทางศูนย์วิจัยยืนยันว่ามีความปลอดภัย เพราะทุกขั้นตอนในการทำจะอยู่ภายใต้การดูแลของสาธารณสุข  และที่สำคัญหลังจากที่อาสาสมัครทั้งสี่คนได้รับการฉีดเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายแล้ว  อาสาสมัครทุกคนจะมีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์เองก็มีการป้องกันด้วยการใส่ชุดที่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ด้วย

 

สนับสนุนโดย  v9bet

ลูกน้องลาจัดงานศพพ่อแต่หัวหน้าไลน์ให้กลับไปทำงาน

          กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชี่ยวอย่างมากในขณะนี้ที่มีลูกจ้างคนหนึ่งนำข้อมูลการสนทนากับหัวหน้างานทางไลน์ออกมาแฉเกี่ยวกับการสนทนากับหัวหน้างานทางไลน์โดย ลูกจ้างคนดังกล่าวได้มีการโทรลางานกับหัวหน้างานแล้วว่าจะขอหยุดเพื่อจัดงานศพของพ่อ แต่ทางหัวหน้างานไม่ยอม บอกให้ลูกจ้างคนดังกล่าวกลับมาทำงานได้แล้วเพราะลาหยุดมาเยอะแล้ว ส่วนเรื่องงานศพของพ่อ ทางหัวหน้างานแนะนำว่าให้ไปร่วมงานในตอนกลางคืนส่วนกลางวันนั้นลูกจ้างก็กลับมาทำงานได้ ซ้ำยังเขียนมาด้วยว่าควรมีความเกรงใจกันบ้าง

        เมื่อข้อความนี้ได้มีการเผยแพร่ออกไป ผู้คนที่เข้ามาอ่านต่างมีการแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากโดยต่างก็ต่อว่าหัวหน้างานที่ไม่น่าจะเขียนไลน์กลับมาตามลูกน้องแบบนี้ เพราะเป็นการลางานเพื่อจัดงานศพให้กับพ่อ ไม่มีใครที่พ่อตายแล้วไม่เสียใจ ใครจะมีจิตใจไปทำงานไหว ต่างก็ต้องเศร้าเสียใจกันทั้งนั้น

ทั้งนี้หลายคนยังต่อว่าไปถึงหัวหน้างานว่าไม่มีความมีเมตตา นิสัยการทำงานเหมือนของคนญี่ปุ่นเห็นแก่ตัว เห็นแก่บริษัทเป็นหลักโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของลูกน้อง ซ้ำยังต่อว่าอีกว่า หัวหน้างานคงไม่มีพ่อไม่มีแม่ หรือถ้ามีก็คงยอมไปทำงานดีกว่าหยุดงานเพื่อจัดงานศพให้กับพ่อแม่

         จากข้อความไลน์ที่หลุดออกมา บ่งบอกว่าสังคมไทยกำลังเปลี่ยนไป นิสัยที่เคยมีเมตตาโอบอ้อมอารีย์ต่อกันกำลังจะค่อยๆหายไปจากสังคมไทย และเริ่มมีการเห็นแก่ตัวเองมากขึ้น อันที่จริงนิสัยการเห็นแก่ตัวเองนั้น ทุกคนมีด้วยกันอยู่แล้ว แต่บางครั้งควรจะต้องลดนิสัยความเห็นแก่ตัวลงบ้างในบางกรณี เรื่องนี้หากลองอ่านจากไลน์ที่หัวหน้าเขียนมาตามลูกน้องกลับไปทำงานนั้น

อาจเป็นไปได้ที่ว่าลูกน้องคนนี้ลาบ่อยมากแล้วตลอดทั้งปี ซึ่งอาจจะเกินที่บริษัทได้กำหนดไว้ ทางหัวหน้างานจึงได้ไลน์มาตามกลับไปทำงาน แต่หัวหน้างานก็ควรคิดสักนิดว่า การลาในครั้งนี้ถึงแม้อาจจะเป็นวันที่เกินจากที่บริษัทกำหนดแต่เป็นเรื่องที่สุดวิสัยจริงๆ มันจะน่าเกลียดมากหากตามลูกน้องกลับไปทำงานในช่วงเวลาที่เขาควรจะต้องแสดงความกตัญญูให้กับพ่อเป็นครั้งสุดท้าย

หัวหน้างานอาจใช้วิธีการหักเงินแทนก็ได้ แต่ควรให้ลูกน้องได้อยู่จัดงานศพให้กับพ่อ ควรคิดถึงใจเขาใจเราเพราะหากเป็นงานศพของคนในครอบครัวของหัวหน้าเอง เชื่อว่าหัวหน้างานก็คงอยากอยู่จัดงานให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปทำงาน สังคมไทยจะน่าอยู่ขึ้นหากเรามีเมตตาต่อเพื่อนร่วมงานด้วยกัน

 

สนับสนุนโดย  entaplay มือถือ

รับจ้างชงเหล้าแต่กลับถูกมอมยา

วัยรุ่นสาวอายุ 16 ปีหารายได้พิเศษด้วยการรับจ้างชงเหล้าแต่กลับถูกมอมยาโชคดีเพื่อนไปช่วยเหลือได้ทัน

     เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐมโดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเหตุจากที่ทางญาติของผู้ประสบเหตุนั้นไปแจ้งความโดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเนื่องจากว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเธอนั้นเด้หาอาชีพเสริมด้วยการรับจ้างชงเหล้าซึ่งเมื่อวันที่ 27 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 ได้มีผู้ว่าจ้างคนหนึ่งเป็นเพศชายได้ติดต่อว่าจ้างหญิงสาววัย 16 ปี

ให้ช่วยไปชงเหล้าที่บ้านเมื่อหญิงสาวเดินทางไปถึงเธอได้ทำการชงเหล้าตามปกติแต่เธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยจึงได้มีการส่งข้อความไปหาเพื่อนๆของเธอเลยบอกว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหนและมีการส่งพิกัดสถานที่ที่เคยอยู่ไปให้กับเพื่อนพร้อมทั้งให้เพื่อนนั้นมารับเธอกลับอย่างไรก็ตามเมื่อเพื่อนของเธอนั้นเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบว่าหญิงสาววัย 16 ปี

ที่รับว่าจ้างในการชงเหล้านั้นนอนหมดสติอยู่โดยที่เสื้อผ้าของเธอนั้นมีร่องรอยการแกะกระดุมออกและทางผู้ว่าจ้างที่จ้างหญิงสาววัย 16 ปี- ไปนั้นก็ทำท่าทางไม่พอใจที่เพื่อนของหญิงสาวนั้นไปหาหญิงสาวที่บ้านอย่างไรก็ตามเพื่อนๆสามารถที่จะนำพาหญิงสาวคนดังกล่าวมารักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าหญิงสาวน่าจะถูกมอมยา

เนื่องจากว่าหญิงสาวนั้นหมดสติและไม่สามารถตอบสนองอาการได้อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของหญิงสาวได้นำหลักฐานจากทางโรงพยาบาลนั้นเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการเชิญตัวเจ้าของบ้านผู้ชายคนดังกล่าวให้มารับทราบข้อกล่าวหา

      ช่วงนี้เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวนั้นถูกมอมเหล้าวางยาหรือแม้แต่ไม่ใช่หญิงสาวก็ตามซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของคนที่ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแล้วถูกวางยาโดยการฉีดสารพิษเข้าไปในขวดน้ำที่วางเอาไว้บนโต๊ะซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคนที่วางยานั้นต้องการที่จะนำตัวคนที่กินน้ำที่มียานอนหลับเข้าไปนั้นไปทำมิดีมิร้ายหรือต้องการที่จะชิงทรัพย์ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ใกล้เคียงกันเพราะเธอนั้นถูกวางยาโดยคาดว่าผู้ที่วางยานั้น

หวังที่จะข่มขืนเธอแต่โชคดีที่เธอไหวตัวทันและมีการโทรตามให้เพื่อนมารับกลับหรืออย่างเช่นเด็กสาววัย 18 ปีที่เสียชีวิตจากการที่ไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนชายโดยเธอนั้นก็ถูกวางยาเช่นเดียวกันแต่เธอนั้นถูกวางยานอนหลับและวางยาเสพติดทำให้ร่างกายของเธอนั้นได้รับสารเสพติดเกินขนาดจึงทำให้เธอเสียชีวิตดังนั้นสาวๆในช่วงนี้หากใครที่ต้องทำงานพิเศษในลักษณะของการที่ออกไปเทคแคร์ลูกค้าถึงที่บ้านและไปคนเดียวต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษหรือใครก็ตามที่ไปปาร์ตี้กับเพื่อนก็อย่าไว้ ควรจะมัดระวังแก้วเหล้าหรือแก้วน้ำของตนเองให้ดี

 

สนับสนุนโดย  entaplay link

ดาราสาววัย 16 ปีของประเทศอินเดียตัดสินใจฆ่าตัวตายหลังถูกขู่จากโลกออนไลน์

        เป็นที่น่าเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของดาราสาวอายุ 16 ปีซึ่งเป็นดาราของประเทศอินเดียที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังโดยเธอนั้นมีคนติดตามมากมายหลายล้านคนในแอปพลิเคชั่น tiktok เธอเป็นดาราที่มีความสามารถและเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคนโดยมีรายงานข่าวออกมาว่าเมื่อวันที่ 25 เดือนมิถุนายนปีพศ2563

พ่อกับแม่ของเธอนั้นพบว่าเธอเป็นศพเสียชีวิตภายในบ้านของตนเองและการฆ่าตัวตายซึ่งไม่ได้ระบุว่าเธอนั้นตัดสินใจฆ่าตัวตายแบบไหนอย่างไรก็ตามดาราสาวคนนี้ชื่อว่าศิญาเธอมีความน่ารักและเธอกำลังเป็นที่รู้จักของคนในโลกออนไลน์เป็นอย่างดีแต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจากเรื่องที่พ่อแม่ของเธอได้ออกมาเปิดเผยว่า

ถึงแม้ว่าเธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังและมีคนชื่นชอบในโลกออนไลน์แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนที่มีการส่งข้อความมาข่มขู่เธอและจะทำร้ายเธอมากมายเช่นเดียวกันแล้วพ่อแม่ของเธอเชื่อว่าสาเหตุที่เธอถูกข่มขืนนี่เองที่ทำให้เธอนั้นตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายทางด้านผู้จัดการส่วนตัวของเธอบอกว่าในช่วงหัวค่ำพวกเขายังคุยกันและศิยาไม่ได้มีท่าทีว่า

เธอมีปัญหาเดือดร้อนเรื่องอะไรหรือเธอคิดอยากจะฆ่าตัวตายเพราะเสียงของเธอนั้นก็ยังคงสดใสและพวกเขาก็ยังคุยโปรเจคในครั้งหน้าว่าจะทำโปรเจคอะไรกันต่อไปดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าแท้ที่จริงแล้วสิยานั้นต้องการฆ่าตัวตายเพราะอะไรกันแน่ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นกำลังสืบหาสาเหตุของการเสียชีวิตของเธออยู่

       สำหรับเรื่องในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยังอยู่ในช่วงของวัยรุ่นเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามและเธอกำลังมีอนาคตที่สดใสดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เธอนั้นจะต้องมาจบชีวิตตนเองซึ่งแน่นอนว่าถ้าเธอเลือกที่จะฆ่าตัวตายนั้นแสดงว่าเธอจะต้องมีปัญหาส่วนตัวของเธอและคนที่ควรจะรู้ดีที่สุดว่าเธอมีปัญหาอะไรไหมก็คือพ่อแม่ของเธอรวมถึงผู้จัดการส่วนตัวของเธอแต่ทั้งพ่อแม่และผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่มีใครยืนยันว่าเธอมีปัญหาอะไรเธอยังคงยิ้มแย้ม

ให้กับคนอื่นอยู่เสมอซึ่งแน่นอนว่าเธออาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเป็นไปได้เพียงแต่ว่าเธอไม่ยอมแสดงอาการให้คนอื่นได้เห็นเท่านั้นเองดังนั้นเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองหลายๆคนได้เป็นอย่างดีว่าจริงไหมว่าลูกของเรานั้นจะมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแต่เราก็ควรจะสังเกตอาการของผู้เขาเรียกว่าลับหลังเรานั้นเขามีความทุกข์ความโศกเศร้าอะไร

ที่อยากจะระบายให้เราทราบหรือไม่ว่าที่จริงแล้วก็อาจจะถูกรังแกมาแต่ไม่กล้าที่จะมาเล่าให้เราฟังก็ได้และถ้าหากเขาทนไม่ไหวก็อาจจะจบชีวิตตนเองซึ่งถ้าเราจะมาสนใจมีแต่มันก็อาจจะสายเกินไปดังนั้นในช่วงที่พวกเขายังคงใช้ชีวิตอยู่กับเรานั้นจึงควรให้ความสำคัญกับลูกของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

สนับสนุนโดย  entaplay

หนุ่มที่ขโมยมือถือสุดช็อคพบว่าติดเชื้อ HIV

จับได้แล้วหนุ่มที่ขโมยมือถือสุดช็อคพบว่าติดเชื้อ HIV และมีเพศสัมพันธ์หลังจากติดเชื้อแล้วมากกว่า 30 คน 

       เมื่อวันที 17 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากพนักงานสาวของโรงแรมคนหนึ่งเนื่องจากว่ามีคนก่อเหตุขโมยมือถือของเธอไปและเธอมีภาพจากกล้องวงจรปิดไปเป็นหลักฐานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นตามจับกุมตัวชายคนดังกล่าวซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่อย่างไรก็ตามใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถที่จะควบคุมตัวชายคนดังกล่าวได้ซึ่งจากการตรวจสอบใช้โดนคนดังกล่าวพบว่าเขามีพฤติกรรมในการขโมย โดยการควบคุมตัวและพูดคุยกับชายคนดังกล่าวทราบชื่อว่านายวันชัยเขาให้ทำการรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือจริงและยังได้มีการพาไปค้นห้องพักเพื่อหาหลักฐานเป็นโทรศัพท์มือถือ

ซึ่งนอกจากจะเจอมือถือที่ขโมยมาแล้วยังพบบัตรเครดิตอีกหลายใบรวมถึงบัตร ATM อีกเกือบ 30 ใบซึ่งนายวันชัยเองก็ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตัวเขานั้นเป็นชายรักชายแต่ก็มีภรรยาแล้วซึ่งเขาจะมีการนัดกลุ่มคนที่เป็นชายรักชายด้วยกันมาร่วมหลับนอนหลังจากนั้นก็จะแอบหยิบบัตร ATM จากสายที่มานอนด้วยและนำไปกดเงิน

ซึ่งบางครั้งเขาก็จะมีการส่งบัตร ATM กับคืนไปให้เจ้าของอย่างไรก็ตามในวันใช้ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเมื่อประมาณ 7 เดือนที่แล้วเขาได้มีการไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลปรากฏว่าเขาตรวจพบว่าตนเองนั้นมีเชื้อ HIV แต่ยังไม่ได้บอกภรรยาว่าเขามีเชื้อนี้และที่สำคัญหลังจากที่เขามีการตรวจเจอเชื้อ HIV แล้ว

เขาก็ยังคงมีการเจอชายรักชายมาร่วมเพศสัมพันธ์ด้วยซึ่งข้อมูลนี้สร้างความตกตะลึงให้กับคนที่รู้เรื่องราวกันเป็นอย่างมากเพราะว่าไม่สามารถระบุจำนวนผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับนายวันชัยได้ว่าตั้งแต่ 7 เดือนที่แล้วนั้นจนถึงปัจจุบันผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วกับคู่นอนกี่คนแต่อย่างที่รู้ก็ไม่ต่ำกว่า 30 คนเลยทีเดียวดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เขายังไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องราวดังกล่าวให้กับภรรยาของเขาฟัง 

           สำหรับข่าวนี้คงจะช็อคใครหลายหลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับทางนายวันชัยในช่วงนับตั้งแต่เดือนนี้ย้อนหลังลงไป 7 เดือนเพราะแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องติดเชื้อ hiv อย่างแน่นอนซึ่งถ้าข่าวนี้มีการเผยแพร่ออกไปและใครรู้ตัวว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับนายวันชัยก็ควรจะไปทำการตรวจหาเชื้อไวรัส HIV ที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะได้รีบดำเนินการรักษา 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน สมัครฟรี

หนุ่มหัวใจสลาย เสียรู้สาวช่างอ้อน หลงโอนเงินให้เป็นแสน 

      เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของตัวเองที่ถูกสาวหลอกให้โอนเงินไปให้แล้วก็หนีหายไป โดยเรื่องราวดังกล่าวนี้เกิดขึ้น ซึ่งนาย บุญพา ได้ออกมาเล่าเรื่องของตัวเองเมื่อวันที่ 20 เดือนพฤษภาคม ปี 2563

ว่าเขาได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งผ่านทางเฟสบุ๊กโดยฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายทักมาหาเขาก่อนและหลังจากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันเพราะรู้สึกพูดกันถูกคอ และต่อมาก็คบกันเป็นแฟน  ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวนั้น บอกว่าตนเองนั้นเป็นคนจังหวัดชัยภูมิ โดยนายบุญพา บอกว่าเริ่มรู้จักกันมาตั้งแต่วันที่ 8 เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2563

ซึ่งนายบุญพายังบอกอีกว่าตั้งแต่รู้จักกันฝ่ายหญิงก็เดินทางมาหาเขาที่บ้านหลายครั้งด้วยกัน และทุกครั้งที่ฝ่ายหญิงมาหาที่บ้านพวกเขาไม่เคยมีอะไรกันเลย ทำได้เพียงแค่จับมือกับหอมแก้มเท่านั้นเอง  หลังจากรู้จักกันได้สักพักฝ่ายหญิงก็เริ่มที่จะขอเงินนายบุญพา ซึ่งครั้งแรกนั้น มีการของเงินนายบุญพา เมื่อวันที่ 8 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563 

ซึ่งฝ่ายผู้หญิงมักจะมีข้ออ้างมาขอเงินเสมอ โดยส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าจะเอาเงินไปช่วยแม่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าใช้จ่าย หรือเอาไปใช้หนี้นอกระบบ ซึ่งแต่ละครั้งที่โอนก็เป็นเงิน สองหมื่นบาทบ้าง บางครั้งก็สามหมื่นบาทบ้าง ซึ่งโดยรวมแล้วเขาโอนเงินให้ฝ่ายหญิงไปทั้งสิ้นรวมแปดหมื่นกว่าบาท  โดยครั้งสุดท้ายฝ่ายหญิงมาของเงินกับนายบุญพา ประมาณสี่หมื่นบาทแต่เงินของนายบุญพาไม่มีแล้ว จึงให้ไปเพียงแค่ สามหมื่นบาท เหลือเอาไว้ติดธนาคารแค่ เจ็ดบาทเท่านั้น

  เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเศรษฐกิจตอนนี้กำลังแย่ และยังมีปัญหาเรื่องของการระบาดของไวรัสอีกทำให้นายบุญพา ไม่ค่อยมีรายได้ มีแต่รายจ่ายออกจนเงินหมดธนาคาร และหลังจากให้เงินไปฝ่ายหญิงก็เริ่มตีตัวออกห่าง ซึ่งเมื่อนายบุญพาไม่มีเงินจึงเอารถไปขายได้เงินมาหกหมื่นห้าพันบาท พอฝ่ายหญิงรู้เรื่องก็กลับมาหาพร้อมกับของเงิน ในวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม ปี 2563

ซึ่งนายบุญพาให้ไป หนึ่งหมื่นห้าพันบาท และพอได้เงินไปแล้วหญิงสาวก็โทรมาขอเลิกกับนายบุญพา ซึ่งตอน หลัง นายบุญพามารู้ว่าเธอไปเป็นแพนกับเพื่อนสนิทของนายบุญพาเอง  เมื่อรู้ดังนั้น นายบุญพาจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อเป็นการสั่งสอนไม่ให้หญิงสาวไปทำกับคนอื่นอีก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame66

ร้านนวดย่านข้าวสารสนองนโยบายรัฐเตรียมปิดร้าน 14 วัน

ร้านนวดย่านข้าวสารสนองนโยบายรัฐเตรียมปิดร้าน 14 วันแต่ร้านอาหารที่ อาร์ซีเอ ยืนยันจะเปิด

       จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าตอนนี้พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 177 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย รวมถึงตอนนี้มีกลุ่มคนต้องเฝ้าระวังว่ามีเกณฑ์ที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนามากถึง 7045 ราย แต่ในขณะเดียวกันวันนี้คือวันที่ 17 เดือนมีนาคม พ.ศ 2563 กลับพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากถึง 30 คนด้วยกันภายในวันเดียวเท่านั้นเอง ใน 30 คนนี้มาจากผู้ที่ติดเชื้อมาจากสนามมวยและติดเชื้อมาจากสถานบันเทิงรวมถึงชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศอิตาลี

และคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศแถมยังมีคนขับรถแท็กซี่ที่ได้รับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศขึ้นรถมา ซึ่งหลังจากที่จำนวนพูดติดเชื้อมีปริมาณมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนายกรัฐมนตรีจึงได้ออกมาแถลงการณ์ กับมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาโดยมาตรการนี้จะมีการป้องกันทั้งทางด้านทางอากาศ ทางบกและทางน้ำโดยจะเข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองซึ่งใครจะเข้ามาในประเทศไทยจะต้องมีหลักฐานการแสดงตัวว่ามีการไปตรวจมาแล้วว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

รวมถึงจะต้องมีใบรับรองแพทย์และใบประกันชีวิต จึงจะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้และอีกประการหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาแถลงการณ์ก็คือจะมีการหยุดจัดกิจกรรมวันสงกรานต์ โดยจะไปชดเชยการจัดงานสงกรานต์วันหลังและประกาศปิดสถานที่คิดว่ามีการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19โดยจะให้ปิดทำการทั้งหมด 14 วัน  โดยจะเริ่มให้ปิดตั้งแต่วันที่ 28 ถึง 31 เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้นอกจากจะเป็นสถานบันเทิงแล้วโรงภาพยนตร์ฟิตเนสหรือแม้แต่ร้านอาบอบนวดก็ต้องปิดด้วยเช่นเดียวกัน

และหลังจากการแถลงการณ์สภลงผลปรากฏว่าร้านค้าส่วนใหญ่ให้ผลตอบรับดีที่จะทำการปิดบริการชั่วคราวอย่างเช่นร้านนวดในถนนข้าวสารก็ตอบรับนโยบายเพราะว่าโดยปกติแล้วตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้วลดลงไปมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ดังนั้นเพื่อเป็นการกำจัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสให้ได้ผลดีที่สุดทางร้านในถนนข้าวสารจึงร่วมใจกันที่จะปิดบริการตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นไปและจะเปิดทำการอีกทีในวันที่ 31 มีนาคม

ที่จะถึงนี้แต่นโยบายนี้ก็ยังมีบางสถานที่ที่ไม่ยอมรับการปิดสถานบริการอย่างเช่นร้านอาหารแถวบริเวณ RCA ได้ออกมาบอกว่าจะยังคงมีการเปิดบริการตามปกติ เพราะทุกคนยังต้องกินต้องใช้ถ้าปิดกิจการไปแล้วก็ไม่มีเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย แต่สำหรับร้านเหล้าผับบาร์มีการปิดไปแล้วก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะแถลงการณ์ เนื่องจากว่าไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเลย